Skip to main content
sharethis

ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ร่วมกันคว่ำบาตรกาตาร์ พยายามเรียกร้องให้สื่อมวลชนอย่าง "อัลจาซีรา" ต้องปิดตัว ทำให้ "ดิอิโคโนมิสต์" ต้องคว้า "ปากกา" มาฉะเหล่าผู้นำอาหรับในเรื่องนี้ โดยชี้ว่าถึงแม้อัลจาซีราจะเต็มไปด้วยความคิดเห็นแต่มันก็เป็นความคิดเห็นรอบด้าน และที่อาหรับเกิดปัญหาต่างๆ ทุกวันนี้เป็นเพราะมีเสรีภาพสื่อน้อยเกินไป

5 ก.ค. 2560 จากกรณีที่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางแถบอ่าวอาหรับรวมทั้งซาอุดิอาระเบียและอียิปต์ ร่วมกันคว่ำบาตรกาตาร์ และวิธีหนึ่งก็คือพยายามเล่นงานสื่อมวลชนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศกาตาร์นั่นคือ "อัลจาซีรา" เรื่องนี้ทำให้ "ดิอิโคโนมิสต์" นำเสนอถึงเรื่องนี้ว่าเป็นหนึ่งในความย้อนแย้งของประเทศอย่างซาอุดิอาระเบีย ประเทศที่จำกัดสิทธิสตรีมากแต่กลับได้รับเลือกให้เป็นกรรมการด้านสิทธิสตรีของสหประชาชาติ

ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่รัฐบาลเซ็นเซอร์สิ่งต่างๆ มากมายตั้งแต่การต่อต้านทางการเมืองไปจนถึงภาพโปสการ์ดสตรีเปลือยอก มีบล็อกเกอร์เรียกร้องประชาธิปไตยชื่อราอีฟ บาดาวี ถูกสั่งลงโทษจำคุก 10 ปี และถูกสั่งโบย 1,000 ครั้ง ในตอนนี้ซาอุดิอาระเบีย เริ่มพยายามทำตัวสั่งปิดสื่อแบบข้ามประเทศข้ามพรมแดน อย่างอัลจาซีราซึ่งมีสำนักงานที่กาตาร์ กรณีนี้ก็เปรียบเหมือนจีนสั่งให้อังกฤษปิดตัวบีบีซี

พวกกลุ่มประเทศแถบอ่าวอาหรับหาเรื่องสั่งแบนกาตาร์เพราะในสายตาของพวกเขากาตาร์เป็นมิตรกับอิหร่าน แต่ดิอิโคโนมิสต์ก็ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศโอมานกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ถูกกล่าวหาอย่างเดียวกันบ้าง นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบียยังกล่าวหาว่ากาตาร์ให้ที่พักพิงกับกลุ่มก่อการร้านอย่างอัลกออิดะฮ์ และไม่พอใจที่พวกเขามีสื่ออย่างอัลจาซีร

ซาอุดิอาระเบียมี 13 ข้อเรียกร้องต่อกาตาร์ต้องทำตาม เพื่อให้มีการยกเลิกการคว่ำบาตร หนึ่งในนั้นคือให้มีการปิดสื่ออัลจาซีราเสีย หาไม่แล้วพวกเขาขู่มาดำเนินมาตรการกับกาตาร์เพิ่มอีก

ดิอิโคโนมิสต์ระบุว่าสาเหตุที่ซาอุดิอาระเบีย ต้องการให้อัลจาซีราจอดำเพราะอัลจาซีราไม่เหมือนกับสื่อตะวันออกกลางอื่นๆ ตรงที่พวกเขานำเสนอเรื่องราวโดยไม่ผ่านการกรองจากรัฐบาล ในปี 2554 พวกเขาก็ให้พื้นที่กับผู้ประท้วงฝ่ายศาสนาอย่างมุสลิมบราเธอร์ฮูดที่ได้เป็นรัฐบาลในอียิปต์เพียงไม่นาน นอกจากนี้ยังเป็นสื่อที่ท้าทายรัฐบาลอื่นๆ ในพื้นที่ตะวันออกกลาง ทำให้พวกเผด็จการในตะวันออกกลางไม่พอใจ

รัฐบาลตะวันตกบางส่วนก็ไม่ชอบใจอัลจาซีราเช่นกันเพราะอัลจาซีราเคยเผยแพร่เทปข้อความของโอซามา บิน ลาเดน ซึ่งเป็นการรายงานข่าวทั่วไปแต่ผู้นำตะวันตกบางส่วนกลับมองว่าพวกเขาสนับสนุนการก่อการร้าย สำนักงานอัลจาซีราในอิรักก็เคยถูกปิดในช่วงปี 2547 ตอนที่อิรักอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐอเมริกา และในปี 2559 รัฐบาลอิรักก็สั่งปิดสำนักงานอัลจาซีราอีกครั้งโดยอ้างว่าพวกเขาเติมเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรงระหว่างนิกายอีกครั้งเพราะรายงานข่าวในเรื่องนี้อย่างไม่ไว้หน้าใคร

ดิอิโคโนมิสต์ระบุว่าการสั่งแบนเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ผิด เพราะอัลจาซีราก็เป็นสื่อๆ หนึ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นสื่อที่พยายามรายงานจากหลายมุมมอง ทั้งมุมของรัฐบาลและมุมของฝ่ายต่อต้าน มุมของภายในประเทศและจากสายตาต่างประเทศ พวกเขาเป็นสื่อที่มีคำขวัญว่า "ความคิดเห็นหนึ่งและความคิดเห็นอื่นๆ"

แน่นอนว่าอัลจาซีราเองไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักๆ แบบเดียวกับที่พวกเขาวิจารณ์คนอื่น แต่อัลจาซีราฉบับภาษาอังกฤษที่ได้รับความช่วยในช่วงยุคแรกเริ่มจากคนทำงานของบีบีซีกับอัลจาซีราภาษาอาหรับก็ต่างกัน ตรงที่ภาษาอาหรับมีท่าทีสนับสนุนอิสลามในทางการเมืองมากกว่า ทนต่อพวกหัวรุนแรงมากกว่า และแทบจะเป็นปากกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลกาตาร์แต่อัลจาซีราภาคภาษาอังกฤษนั้นไม่เหมือนกัน ติดอยู่ตรงที่ว่ากลุ่มประเทศอ่าวอย่างซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลับต้องการให้อัลจาซีราปิดตัวทั้งสองสถานี

ดิอิโคโนมิสต์เรียกร้องให้เหล่ารัฐบาลอาหรับเลิกพยายามปิดปากสื่อในประเทศเพื่อนบ้านของพวกเขาและควรเลิกทำตัวเป็นผู้ข่มเหงรังแกสื่อ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในอาหรับก็ไม่ได้เป็นเพราะว่ามีข้อมูลหรือมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมากเกินไป ตรงกันข้ามคือปัญหาที่เกิดในอาหรับทุกวันนี้มีเสรีภาพเหล่านี้น้อยเกินไป

เรียบเรียงจาก

Saudi Arabia’s attempt to silence Al Jazeera is outrageous, The Economist, 06-29-2017

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net