'ศาลปกครอง' สั่งคุ้มครองห้ามคุมจำนวนนักท่องเที่ยว 'สิมิลัน' อุทยานฯ จ่ออุทธรณ์

'ศาลปกครอง' สั่งคุ้มครองห้ามคุมจำนวนนักท่องเที่ยว 'สิมิลัน' ตามคำขอผู้ประกอบการช่วงพีค 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2562 ระบุตัวเลขคุมจำนวน 3,850 คน/วัน กับช่วงคนทะลัก 5,000 คน/วัน ไม่ต่างกันมาก นักท่องเที่ยววางแผนเดินทางมาแล้ว ส่วนหน้าที่บริหารจัดการเป็นเรื่องของอุทยานฯ ต้องดูเองเน้นมีส่วนร่วม ด้านกรมอุทยานฯ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นอุทธรณ์

เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่าเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ศาลปกครองภูเก็ต ได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับคดี ในคดีที่นายนายนิพนธ์ สมเหมาะ แกนนำกลุ่มชมรมผู้ประกอบการทัวร์หมู่เกาะสิมิลัน-สุรินทร์ ฟ้องร้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของนายธัญญา เฉพาะประกาศที่พิพาทฉบับแรกตามประกาศกรมอุทยานฯ  เรื่องการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ลงวันที่ 9 ต.ค.2561 ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562-31 มี.ค. 2562 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ยกคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ทุเลาการบังคับตามประกาศที่พิพาทฉบับที่สองตามประกาศกรมอุทยานฯ เรื่องกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะประเภทเรือที่เข้าไปในเขตอุทยานฯ สิมิลัน ลงวันที่ 9 ต.ค.2561

โดยศาลพิจารณามีใจความสำคัญว่าการให้ทุเลาการบังคับตามประกาศที่พิพาททั้งสองฉบับไม่ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป จะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่สาธารณะหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีการออกระเบียบกรมอุทยานฯ ว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานฯ ปี 2552 รองรับอยู่แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งระงับการกระทำที่จะทำให้เกิดความเสียหายในอุทยานฯ ได้ ทั้งนี้ปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนจากการให้ถ้อยคำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองว่า สำหรับช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้าไปมากที่สุดคือ ในระหว่างกลางเดือน ม.ค.-สิ้นเดือน ก.พ.ของทุกปี เฉลี่ยวันละประมาณ 5,000 คน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวตามประกาศที่พิพาทฉบับแรก ประเภทไปกลับไม่เกิน 3,325 คน และดำน้ำลึกไม่เกิน 525 คน รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 3,850 คน จึงเห็นได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดกับจำนวนนักท่องเที่ยวตามที่กำหนดในประกาศที่พิพาท มีจำนวนไม่แตกต่างกันมากจนเกินไป และไม่น่าจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานฯ สิมิลันในช่วงเวลาดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องร้องคดีทั้งสอง

ทั้งนี้หากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปจำนวนมากจนเกินขีดความสามารถที่อุทยานฯ สิมิลันจะรองรับได้แล้วจะทำให้นักท่องเที่ยวล้นเกาะและทรัพยากรเสื่อมโทรมลง และเกิดความไม่ประทับใจของนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองถูกตำหนิจากสังคมได้นั้น เห็นว่าโดยที่การท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันจะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมค่อนข้างจำกัดในแต่ละปี และนักท่องเที่ยวรวมถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้เตรียมการและวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเอาไว้ล่วงหน้า  ซึ่งผู้ถูกฟ้องร้องคดีทั้งสองย่อมทราบถึงสภาพดังกล่าวเป็นอย่างดี ผู้ถูกฟ้องร้องทั้งสองจึงชอบที่จะวางแผนเตรียมการเพื่อรองรับการสภาพการเช่นนี้ ทั้งยังเป็นการสอดคล้องกับพันธกิจของแผนการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอุทยานฯ สิมิลันที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้หลักการจัดการอุทยานฯ และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และนโยบายของรัฐที่สนับสนุนและสิ่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย และเมื่อพิจารณาถึงอำนาจของหน้าของกรมอุทยานฯและอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่ยังคงมีอยู่ และแนวทางบริหารจัดการการท่องเที่ยวอุทยานฯ สิมิลันโดยรวมแล้ว การให้ทุเลาบังคับตามประกาศที่พิพาททั้งสองฉบับไม่ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ย่อมไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่สาธารณะแต่อย่างใด

ส่วนประกาศประกาศที่พิพาทฉบับที่สอง เรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะประเภทเรือที่เข้าไปในอุทยานฯ สิมิลัน ลงวันที่ 9 ต.ค. 2561 นั้น เห็นว่ามีเงื่อนไขที่เกิดขึ้นไม่ครบถ้วน เพราะประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2562 เป็นต้นไป ซึ่งการบังคับใช้จะอยู่ในช่วงการปิดการท่องเที่ยวอุทยานฯ สิมิลัน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2562 ผู้ฟ้องคดีย่อมไม่อาจประกอบกิจการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวได้ จึงถือว่าประกาศที่พิพาทฉบับที่สองไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังแก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด จึงให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประกาศนี้

ด้านพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทะเลและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขอแนะนำให้กรมอุทยานฯอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองภูเก็ตไปยังศาลปกครองสูงสุด โดยคัดค้านว่าการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองภูเก็ตไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์การกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 66 ประกอบกับระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พ.ศ. 2543 ข้อ 75 และ ป.วิแพ่ง ลักษณะ 1 ภาค 4 ซึ่งการคุ้มครองชั่วคราวต้องมีหลักเกณฑ์ 3 ข้อ คือ 1.คำฟ้องต้องมีมูล 2.ต้องมีเหตุเพียงพอให้ศาลคุ้มครอง  และ 3.ต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ข้อ 3.นี้เพราะการกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวอาจมิได้ คำนึงถึงความรับผิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ และปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นแก่การบริหารงานของรัฐเป็นสำคัญ

นายพนัส กล่าวอีกว่าที่ผ่านมาในช่วงเวลาดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในอุทยานฯ สิมิลันมากที่สุดถึง 7,000 ต่อวัน กรมอุทยานฯ ออกประกาศดังกล่าวเพื่อคุ้มครองแหล่งท่องเที่ยว หากมีคนเข้าไปเกินขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติก็จะถูกทำลายไป รวมทั้งปัญหาขยะน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลที่เกิดขึ้นที่ยากต่อการแก้ไข ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกาศดังกล่าวกำหนดขึ้นเพื่อการบริหารจัดการอุทยานฯ ที่เป็นทรัพย์สมบัติของคนไทยทุกคนไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาทั้ง 3 เงื่อนไขให้ครบถ้วนด้วย

รายงานข่าวจากกรมอุทยานฯ ระบุว่าขณะนี้กรมอุทยานฯ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท