Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรวจราชการที่เชียงใหม่ ให้กำลังใจทีมดับไฟป่า ประชุมส่วนราชการและภาคประชาสังคม โดยสั่งการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วนลดจุดเผาไหม้ หรือ hot spot ดูแลเด็กและผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มอ่อนไหวต่อมลพิษทางอากาศ รวมทั้งวางแผนระยะยาว โดยหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นภายใน 7 วัน

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตรวจเยี่ยมกำลังพลดับไฟป่า ที่ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อ 2 เมษายน 2562 (ที่มาของภาพ: เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

 

2 เม.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และคณะเดินทางตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติงาน ณ มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

 

พล.อ.ประยุทธ์ให้กำลังใจทีมดับไฟป่า เชื่อสถานการณ์ดีขึ้นภายใน 7 วัน

ในเว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขอให้มีกำลังใจในการแก้ไขปัญหา ขอให้ทุกคนต่อสู้กับความไม่ดี สู้กับอันตรายต่าง ๆ ขอให้ทำงานด้วยความปลอดภัย รู้ว่าทุกคนเหน็ดเหนื่อย เต็มที่ในการทำงาน  ขอให้ทำงานเพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงกำชับ และทรงห่วงใย ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด

ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอุปกรณ์ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้โดยเร็ว และทำให้สถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้นให้ได้ภายใน 7 วัน ซึ่งจะเร่งหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ และจำเป็นต้องเข้มงวดในการใช้กฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเพื่อแก้ไขปัญหาในการลักลอบเผาป่า ขอให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมมือร่วมใจช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งภาครัฐต้องทำงานแบบบูรณาการมากขึ้น ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและเฝ้าระวัง พร้อมกับขอให้ติดตามผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่

 

สั่งการส่วนราชการแก้ปัญหาทุกมิติ ให้คลี่คลายภายใน 7 วัน

ต่อมาเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะประกอบด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ  นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประชุมร่วมกับ 9 ผู้ว่าราชการจังหวัด (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก) ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรประชาชนและสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ ที่ห้องประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ  จังหวัดเชียงใหม่

ในรายงานของเว็บไซต์รัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ในฐานะรัฐบาลช่วงที่ผ่านมามีการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เหล่าทัพ กอ.รมน. ทำงานร่วมกับส่วนราชการท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอุปกรณ์และงบประมาณในการดำเนินการ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาในทุกมิติ รวมถึงสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นภายใน 7 วัน

ภายหลังการรับฟังแนวทางการปฏิบัติงาน ปัญหา อุปสรรคการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากให้ภาคเอกชน นักวิชาการ รวมถึงครู อาจารย์ ช่วยกันสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน และนักเรียน นักศึกษา พร้อมกับขอให้ช่วยกันระดมสร้างความดีให้กับประเทศชาติ โดยการจัดกิจกรรมออกค่ายอาสาให้เห็นข้อปัญหาข้อเท็จจริง เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่การขาดความเข้าใจและขาดความร่วมมือของทุกคน

ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐขอให้ทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ยกตัวอย่างการทำงานถ้ำหลวงเป็นแบบอย่างการทำงานที่ดี พร้อมกับมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหา ตรวจสอบการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่ยังเกิดปัญหา หากไม่มีการแก้ไขให้ลงโทษ และปลดออกตามลำดับ รวมถึงให้ทำรายงานสรุปสถานการณ์ประจำวันให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว เสนอตามสายงาน และส่งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบต่อไป

 

สั่งการเร่งลดจุดเผาไหม้ - ดูแลเด็กและผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มอ่อนไหวต่อมลพิษ

เวลา 11.30 น. ณ หอประชุมอเนกประสงค์ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ

โดยในเว็บไซต์รัฐบาลไทย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้กำหนดแนวทางการแก้ปัญหาในระยะแรกหรือระยะเร่งด่วน คือการเน้นลดจุดเผาไหม้หรือจุด Hotspot ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดวันนี้มีจุดเผามากกว่า 3,000 จุด และลดลงแล้วเหลือ 1,900 จุด ขณะที่แผนการป้องกันและแก้ปัญหาระยะกลางจะอยู่ที่ 1 - 2 ปี นอกจากนี้ยังวางแผนการแก้ปัญหาในระยะยาวคือ 5 ปีขึ้นไป ย้ำว่า การบูรณาการการแก้ปัญหาจะต้องทำให้สถานการณ์ดีขึ้นภายใน 7 วัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำให้ปัญหาหมดไปได้ภายใน 7 วันเพราะต้องยอมรับว่าปัญหานี้ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการจุดไฟเผาป่าเป็นส่วนใหญ่ และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย

ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่จุดไฟเผาพื้นที่ทางการเกษตร พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและมีการจับกุมไปแล้วในหลายกรณี แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็คำนึงถึงผู้ที่มีผลกระทบทุกส่วนด้วย โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่และดีที่สุดเพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การนำคณะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ เนื่องจากยังไม่พอใจผลของการทำงานเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ แต่ไม่ใช่ไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะรู้ว่าทุกฝ่ายได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งวันนี้ค่าของฝุ่นละอองก็มีการปรับขึ้นลงตามสถานการณ์และจุดที่เกิดการเผาไหม้

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดูแลกลุ่มของเด็กและผู้สูงอายุซึ่งมีความอ่อนไหวต่อปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น พร้อมกับย้ำว่าภาครัฐได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองให้กับประชาชนแล้วเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ถึง 1,700,000 ชิ้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะตรวจเยี่ยมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งใช้ในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ วัดบุพพาราม ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ เพื่อเป็นประธานการกระชุมคณะรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net