หลังมติพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคบางคนประกาศลาออก ล่าสุด ‘กษิต ภิรมย์’ ลาออก รับคุยเรื่องตั้งพรรคใหม่กับนิวเดม

11 มิ.ย. 2562 สำนักข่าวหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ กษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยื่นหนังสือลาออกสมาชิกพรรค โดยกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขับเคลื่อนในทิศทางที่เห็นต่างกับตนเอง ก่อนที่จะมายื่นหนังสือลาออกในวันนี้ก็ได้ตัดสินใจมาหลายวันแล้ว โดยข้อคิดเห็นส่วนตัวได้แจ้งต่อผู้ใหญ่ในพรรค ทั้งทางวาจาและหนังสือถึง 4 หน้า

โดยตนได้ยื่นให้ผู้ใหญ่ในพรรคกว่า 10 คน ถึงมุมมองและอุดมการณ์ในฐานะนักเสรีประชาธิปไตย สำหรับเนื้อหาในหนังสือพูดถึง 3 เรื่อง คือทำไมพรรคถึงแพ้ รวมถึงการปฏิรูปพรรค และแนวทางทางการเมือง โดยเสนอให้ไม่ไปร่วมกับเพื่อไทยและพลังประชารัฐ ซึ่งผู้ใหญ่ที่รับหนังสือแล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยบ้าง

"แม้จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้วแต่ก็จะไม่หนีไปไหน เพราะยังสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเป็นเพื่อนกัน โดยส่วนตัวจะยังคงทำงานขับเคลื่อนแนวคิดเสรีประชาธิปไตยต่อไป เพื่อให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ไม่เอากับประชานิยม เผด็จการ และการทุจริตประพฤติมิชอบ"

กษิต ยังกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้สมาชิกพรรคทยอยลาออกก็ได้เชิญทุกคนที่มีแนวคิดเดียวกันมาร่วมกลุ่มพลังที่ 3 ทางการเมืองที่มีธรรมาภิบาลกำกับ โดยมีการพูดคุยกับกลุ่มเอ็นจีโอ และนักวิชาการ ส่วนการตั้งพรรคการเมืองยอมรับเป็นไปได้ แต่มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเริ่มต้นวันนี้ คือ การหาแนวร่วมกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยขณะนี้ยังไม่มีการชักชวนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้มาร่วม แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อดีตกลุ่มนิวเดม โดยขณะนี้ส่วนตัวก็มีรายชื่อไว้หมดแล้ว

ด้านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เขากล่าวถึงกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องน่าเสียดาย ตนไม่ประสงค์อยากเห็นใครลาออกจากพรรค แต่ก็ต้องเคารพความเห็นของแต่ละคน สิ่งหนึ่งที่อยากเพิ่มเติมคือยังมีผู้ที่ปรารถนาจะมาทำงานร่วมกับพรรคในอนาคตอีกหลายท่าน สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือ การพิสูจน์ การสร้างผลงานให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้พรรคเป็นที่ยอมรับขึ้นในอนาคต และจะพยายามทำให้เต็มที่และดีที่สุด

อนึ่งก่อนหน้านี้มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ลาออกจากพรรค เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับมติพรรคเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กกต., พริษฐ์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ สมาชิกพรรค, ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ทายาทนักธุรกิจเครือโนเบิล บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย อดีตแนวร่วมกปปส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 15 กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มนิวเดม, กฤชกุศล ส่องแสง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จ.ปทุมธานี, นัฏฐิกา โล่ห์วีระ สมาชิกพรรคและผู้สมัคร ส.ส. จ.ชัยภูมิ, ทัดชนม์ กลิ่นชำนิ สมาชิกพรรค, พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มนิวเดม และล่าสุดวันที่ 9 มิ.ย. สยามรัฐออนไลน์รายงานว่า 11 สมาชิกพรรคเขต 4 จังหวัดปทุมธานีได้ขอลาออกเช่นกัน ขณะที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ประกาศลาออกจาก ส.ส. แต่ยังคงเป็นสมาชิกพรรค

มีรายงานว่า ภายหลังจากพรรคประชาธิปัตย์มีมติพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ วันที่ 7 มิ.ย. วรา จันทร์มณี ผู้ชนะคำขวัญครบรอบ 50 ปี พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2538 นำโล่พร้อมเงินรางวัล จำนวน 5,000 บาท มาคืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวางคืนไว้ต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม พร้อมอ่านแถลงการณ์ซึ่งระบุเหตุผลว่า ที่ต้องนำโล่และเงินรางวัลมาคืนเพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประชาคม ละทิ้งอุดมการณ์ โล่รางวัลที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอุดมการณ์ก็ไร้ความหมาย หากเปรียบอุดมการณ์ดั่งรัฐธรรมนูญ วาทกรรมที่พยายามประดิษฐ์ขึ้นเพื่ออธิบายบทละครเป็นเพียงแค่กฎหมายลูก กฎหมายลูกจะมาล้มล้างรัฐธรรมนูญมิได้