‘ชาญวิทย์’ ได้ประกันตัวคดีร่วมวางแผนปาระเบิด หลังอยู่คุกกว่า 4 ปีในคดี 112

นักกิจกรรมสูงวัยได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังทนายระดมเงินบริจาค 50,000 ประกันตัวศาลทหาร ชาญวิทย์ถูกจับเดือนมี.ค.58 ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมวางแผนปาระเบิดลานจอดรถศาลอาญา ถูกคุมขังพร้อมจำเลยอีก 10 กว่าคนนานนับปีจนคนอื่นๆ ได้ประกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบพยานในศาลทหาร แต่ชาญวิทย์ถูกขังต่อเนื่องจากมีคดี 112 ก่อนหน้านี้ ศาลตัดสินจำคุก 6 ปี 

ชาญวิทย์ จริยานุกูล (คนกลาง) ที่มาภาพ Suwanna Tallek

21 มิ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันนี้ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปล่อยตัว นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นักกิจกรรมวัย 64 ปีจำเลยคดีร่วมวางแผนปาระเบิดลานจอดรถศาลอาญา เมื่อปี 2558 เนื่องจากศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัว โดยนายประเวศ ประภานุกูล ทนายความได้นำเงินสดที่ได้รับการบริจาครวม 50,000 บาทวางเป็นหลักทรัพย์

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันที่ 7 มี.ค.2558 เป็นเหตุให้บริเวณลานจอดรถและป้อมยามเสียหายเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำการในที่เกิดเหตุได้ 2 คนและขยายผลจาก LINE ในโทรศัพท์ผู้ต้องหาเพื่อจับกุมผู้ต้องหาอื่นๆ เพิ่มอีก รวมแล้ว 16 คน ชาญวิทย์เป็นหนึ่งในนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าวหาว่าเขามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากไปเป็นวิทยากรให้กับกลุ่มประชาชนในจังหวัดขอนแก่นก่อนหน้านั้น และการประชุมดังกล่าวเป็นการวางแผนเตรียมการปาระเบิด ขณะที่เขายืนยันว่าเป็นเพียงกลุ่มศึกษาการเมืองซึ่งเขาได้รับเชิญไปพูด และได้ชวนสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นักกิจกรรมสูงวัยที่มีอาชีพขับแท็กซี่ไปเป็นวิทยกรด้วย ภายหลังเกิดเหตุ ตัวเขา สรรเสริญ และผู้ประสานงาน รวมถึงวิทยากรอื่นๆ ในงานเสวนาดังกล่าวถูกคุมขังอยู่นานกว่า 2 ปีก่อนได้รับการประกันตัว บางส่วนมีรายงานการถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายขณะสอบสวนด้วย

ปัจจุบันจำเลยทั้งหมดยกเว้นชาญวิทย์ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหลังถูกจำคุกอยู่นาน และคดียังอยู่ระหว่างการสืบพยานในศาลทหาร เหตุที่ชาญวิทย์ไม่ได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เนื่องจากหลังถูกจับกุมในคดีปาระเบิดฯ ชาญวิทย์ก็ถูกตัดสินจำคุกในอีกคดีหนึ่งที่เคยหนีคดีอยู่ก่อนแล้ว นั่นคือ คดี 112 ชาญวิทย์อยู่ในเรือนจำจนครบกำหนดโทษคดี 112 ทนายจึงระดมเงินบริจาคมาช่วยประกันตัวในคดีปาระเบิดฯ

ชาญวิทย์ จริยานุกูล ที่มาภาพ Suwanna Tallek

สำหรับคดี 112 นั้นเหตุแห่งคดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2550 เมื่อชาญวิทย์ได้เข้าร่วมการชุมนุมคัดค้านคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยและจัดทำใบปลิววิเคราะห์การเมืองประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่านยาวชุดละ 5 หน้าไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมที่ท่าน้ำนนท์ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่สังเกตการณ์ชุมนุมเห็นว่าข้อความในใบปลิวเข้าข่ายความผิดจึงตั้งข้อหาตาม ม.112 คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องเป็นความผิด 4 กรรมเนื่องจากเห็นว่ามีข้อความหมิ่นประมาทครอบคลุมถึง 1.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริษ์แห่งราชอาณาจักรไทย 2.พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชินี 3.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร รัชทายาท 4.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

หลังจากนั้นเขาได้รับการประกันตัว แต่ไม่มารายงานตัวตามนัดหมายของศาลในปี 2551 โดยในการสืบพยานเขาระบุเหตุผลว่าเป็นเพราะหลังจากประกันตัวแล้วเขาไปแสดงความเห็นในงานเสวนาแห่งหนึ่งจนถูกนายชวน หลีกภัย มอบหมายให้นายเทพไท เสนพงศ์ ไปแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 อีก และตำรวจได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวเขา ทำให้เขาใช้สำนึกแห่งความเป็นธรรมส่วนตัวตัดสินใจไม่ไปฟังคำสั่งศาลว่าจะถอนประกันหรือไม่ โดยคิดว่าคดีนี้เป็นคดีทางความคิดและต้องการให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เขาทำการประเมินนั้นเป็นจริงหรือไม่

1 ธ.ค.2558 ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำพิพากษาในคดี 112 ให้จำคุก 6 ปี ในข้อต่อสู้ของชาญวิทย์มีการตีความเรื่ององค์รัชทายาทซึ่งมาตรา 112 ให้ความคุ้มครองด้วยว่าหมายถึงพระองค์ใด แต่ศาลไม่ได้มีควาวินิจฉัยในกรณีนี้

สำหรับประวัติของชาญวิทย์นั้น ตามคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทระบุว่า ชาญวิทย์เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนใจศึกษาทั้งการเมือง สังคม ศาสนา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ ชาญวิทย์เรียนไม่จบและเข้าร่วมกับขบวนนักศึกษา โดยเข้าป่าบริเวณจังหวัด แพร่-น่าน ร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในช่วงปี 2520-2524 ก่อนหน้าเข้าป่าในปี 2520 ชาญวิทย์ถูกจับและคุมขังในเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ด้วยคดีมีอาวุธปืนสั้นไว้ในครอบครอง จำคุกอยู่ 7 เดือน เหตุที่ชาญวิทย์มีปืนสั้นเนื่องจากเขาทำงานกับบรรดาแกนนำชาวนา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีการสังหารแกนนำชาวนา ชาวไร่และนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก จึงต้องมีไว้ป้องกันตัว จากนั้นมาชาญวิทย์ก็ร่วมเคลื่อนไหวกับขบวนสหภาพแรงงาน และมักแจกใบปลิวเพื่อเผยแพร่แนวคิดต่างๆ ในประเด็นต่างๆ เป็นประจำ

“การแจกใบปลิวเป็นปฏิบัติการทางการเมืองอย่างหนึ่ง” “จุดประสงค์ของผมก็คือ ประเมินสถานการณ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านเท่านั้น”  “ผมเป็นพลเมืองผมจึงต้องนำเสนอแนวคิดต่อสังคม ไม่อาจนั่งเฉยๆ” ชาญวิทย์เคยให้การต่อศาลในฐานะจำเลยคดีนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท