ควันหลงวันเลือกนายกฯ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

นั่งชมการถ่ายทอดการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่แปลกประหลาดใจใดๆ กับผลโหวตที่ออกมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอชื่อโดยพรรคพลังประชารัฐ ชนะด้วยเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. และ ส.ว. รวมกัน 500 คะแนน ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ ฝั่ง 7 พรรคประชาธิปไตย ได้เสียงสนับสนุน 244 คะแนน  และมีสมาชิกรัฐสภางดออกเสียงทั้งหมด 3 คน คือนายชวน หลีกภัย (ประธานรัฐสภา), นายพรเพชร วิชิตชลชัย (รองประธานรัฐสภา) และนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย โดยในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้มีสมาชิกเข้าประชุมทั้งหมด 747 คน

สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้เห็นจากการประชุมร่วมของสองสภาในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องผลของการโหวต ที่เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศรู้กันอยู่เต็มอกแล้วล่ะว่าผลจะออกมายังไง แต่เชื่อว่าสิ่งที่สังคมอยากเห็นนั่นคือเนื้อหาในการอภิปรายถึงคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อทั้ง 2 ท่าน ที่แม้จะไม่มีผลในการโหวต แต่ถ้าจะว่าไป ก็น่าจะพิสูจน์ความสามารถ และคุณภาพของสมาชิกรัฐสภาได้เป็นอย่างดี

การทำหน้าที่อภิปรายเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในซีก 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่เริ่มต้นจากการชี้ให้เห็นว่าคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นไม่เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเหตุใด ซึ่งก็ถือว่าเริ่มได้ดีพอสมควร แต่เมื่ออภิปรายต่อๆมา ก็สรุปยังคงวนเวียน อยู่แต่ในเรื่องประเด็นเดิมๆ เช่นการไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นผู้ทำรัฐประหาร หรือการขาดคุณสมบัติในเรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ อย่างไร หรือความไม่เหมาะสมเพราะเป็นผู้ที่เลือกวุฒิสมาชิก ให้เข้ามาเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ฯลฯ เป็นต้น

สิ่งที่แตกต่างกันในการอภิปรายครั้งนี้ก็คือ ลีลาการนำเสนอเท่านั้น แต่ในเรื่องรายละเอียดข้อมูลไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ ให้น่าติดตาม หรือต่างไปจากสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อ ดังนั้นการอภิปรายในวันนั้นของ 7 พรรคที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยนั้น ถ้าจะเรียกว่าสอบไม่ผ่าน ก็คงจะไม่เป็นการกล่าวเกินเลย แต่อย่างใด

ขณะที่การอภิปรายของอีกฟากฝั่ง ก็เช่นกันยังคงวนเวียน อยู่แต่ในเรื่องเดิมๆ เฉกเช่นกัน ทำให้การอภิปรายในวันดังกล่าว ประชาชนแทบจะไม่ได้อะไรเลย นอกเหนือจากการที่เคยได้รับจากการเสพข่าวจากสื่อต่างๆ

จริงๆ ถ้ามีการทำการบ้านกันให้ดี มีทีมงานที่คอยพลิกแก้เกมส์กันให้ดี เชื่อว่าจะทำให้การอภิปรายในวันดังกล่าวสร้างสีสันได้มากกว่านี้ หรืออาจจะเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ได้เลยทีเดียว และหากพิจารณาถึงตัวผู้อภิปรายแล้ว จะเห็นว่า การพูดคำเมืองของคุณศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่เขต 8 ของพรรคอนาคตใหม่ที่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ นั้น ยังมีสีสันดีกว่าการอภิปรายในเนื้อหาสาระของสมาชิกรัฐสภาท่านอื่นๆ เสียอีก

ยิ่งการอภิปรายสนับสนุนเผด็จการประชาธิปไตย ที่เป็นระบอบใหม่ของวุฒิสมาชิกบางท่าน ยิ่งทำให้เห็นสภาพบรรยากาศการปกครองของประเทศ จะเดินหน้าไปทิศทางไหนได้อย่างชัดเจน แม้คนไทยทุกคนจะรู้ แต่ก็คงไม่สามารถทำสิ่งใดให้ได้ดีไปกว่านี้อย่างแน่นอน ตราบที่เงื่อนไขของคนในชาติ ยังคงเป็นไปในลักษณะแบ่งแยก แล้วปกครองเช่นปัจจุบัน

ดังนั้นการอภิปรายในวันเลือกนายกฯ ดังกล่าว ควรเป็นการอภิปรายต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ ที่ไม่ได้หวังผล จะดีกว่า การอภิปรายวกไปวนมา ที่ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งหากพิจารณากันดีๆ แล้ว ในวันดังกล่าว ถ้าจะให้คะแนนในการอภิปรายแล้ว ขอบอกตามตรงว่า คนที่อภิปรายเรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดีที่สุดคือ คุณวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เจ้าของคำพูด “รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 เขียนมาเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น เป็นรัฐบาล” นั่นเอง

ซึ่งถ้า 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย มีทีมงานที่คอยสนับสนุนที่ดีแล้ว งานนี้จะพลิกมิติการอภิปรายได้พอสมควร แม้จะไม่สามารถพลิกมติการลงคะแนนเลือกนายกฯ ได้ก็ตาม เพราะเพียงแค่หลังการอภิปรายของนายวีระกร แล้ว แค่คนต่อๆมาที่จะต้องลุกอภิปรายของ 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ควรทำก็คือ การลุกขึ้นตามสิทธิ์อภิปราย แล้วบอกว่า

“ขอสละสิทธิ์การอภิปรายครับ(ค่ะ)ท่านประธาน เพราะว่าสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์จากพรรคพลังประชารัฐ ได้พูดอธิบายชัดแจ้งเห็นภาพไปหมดแล้ว”

เพราะไหนๆ ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า ผลโหวตจะออกมาอย่างไร? สู้เอาเอกสิทธิ์ในการอภิปราย มาทำต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ให้ประชาชนเห็นจะดีกว่า และภาพน่าจะออกมาดีกว่าพูดวนไปเวียนมา ส่วนนายวีระกร คำประกอบ อภิปรายในวันที่โหวตเลือกนายกฯ ไว้อย่างไร? นั้น ไม่ขุดคุ้ยหากันเอาเอง ที่แน่ๆ เท่าที่จำได้ และก้องอยู่ในหูคือ

“...ประชาชน จะอดตายกันอยู่แล้ว...”

ไม่รู้ว่านายวีระกร อภิปรายสนับสนุนหรือคัดค้านหลอกด่าใคร? แต่ที่แน่ๆ ประชาชนรู้ว่าไอ้ที่จะอดตายกันอยู่แล้วน่ะ มันเพราะฝีมือใคร? แล้วใคร?ล่ะที่เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วยังสมควรให้ไปต่ออีกหรือ?

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท