Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เสียงปี่กลองการเลือกตั้งที่กำลังโหมโรงกันอยู่ในขณะนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคการเมืองที่น่าจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. มาลำดับที่ 1 ในครั้งนี้ ก็คงหนีไม่พ้นพรรค “เพื่อไทย” ที่ผูกขาดเป็นผู้ชนะมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ในนามของพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคพลังประชาชน ก่อนกลายร่างมาเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน

การเป็นผู้ชนะเลือกตั้งมาโดยตลอดนั้น ก็ทำให้ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่มากจากการเลือกตั้งมาโดยตลอดเช่นกัน จนกระทั่งการมีขึ้นของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยเฉพาะในบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นจึงทำให้การเลือกตั้งในปี 2562 ที่แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาเป็นลำดับที่ 1 แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะไม่มีเสียง ส.ว. สนับสนุน

พรรคที่ได้ลำดับที่ 1 อย่างพรรคเพื่อไทย จึงกลายเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านไปโดยปริยาย ซึ่งถือเป็นการบ้านที่สำคัญที่ทำให้บรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยต้องคิดค้นหาวิธี

ในช่วงท้ายของสภาฯ จึงได้มีการผุดแคมเปญ “แลนด์สไลด์” ขึ้นมาเพื่อเตรียมไว้ใช้ในการรณรงค์ เป้าหมายให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ไม่ใช่ชนะเพียงแค่ไม่กี่เก้าอี้เหมือนการเลือกตั้งในปี 62 ที่ผ่านมา

การที่พรรคเพื่อไทยจะ “แลนด์สไลด์” มีโอกาสสูงมาก เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่ได้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว คะแนนแบบจัดสรรปันส่วนอีกแล้ว แต่เป็นการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ ที่แยกการเลือกคน เลือกพรรค แบบชัดเจน

ซึ่งแน่นอน พรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่คาดหวังว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างแน่นอน แต่อุปสรรคที่สำคัญในการจะจัดตั้งรัฐบาลคือการที่ ส.ว. มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั่นเอง

ในการรณรงค์แคมเปญ “แลนด์สไลด์” นี้ในระยะแรก ไม่มีการพูดถึงเรื่องจำนวนตัวเลขที่คาดหวัง ซึ่งบรรดาเกจิหรือกูรูทางกาเมือง ต่างวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้จำนวนเก้าอี้ ส.ส.ระหว่าง 170-220 ที่นั่ง ซึ่งก็ถือว่าสูงมากแล้วหากเทียบกับการเลือกตั้งในปี 62

และก็เป็นจังหวะจวบเหมาะกับการแยกกันเดินของพี่น้อง 3ป. พอดี จึงมีข่าวลือในเรื่องของการจับมือกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่ง 3ป. เป็นหัวหน้าพรรค โดยความเป็นไปได้ของข่าวลือคือการที่ พล.อ.ประวิตร มี ส.ว.จำนวนหนึ่งอยู่ในมือ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นจริงตามนี้ อำนาจการต่อรองทางการเมืองย่อมอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร อย่างปฏิเสธไม่ได้

ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของแกนนำพรรคเพื่อไทย ยิ่งมีส่วนทำให้ข่าวลือดังกล่าวนี้ มีแนวโน้มของความเป็นจริงอยู่ไม่น้อย พรรคเพื่อไทยที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะคิดอยู่แล้วว่าศักยภาพของตัวเองที่จะได้เก้าอี้ ส.ส. อยู่ที่เท่าไร ทำให้ต้องแบ่งรับ แบ่งสู้ ในการตอบคำถามสื่อมวลชยใยเรื่องของการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ

กระแสการเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดการค้างคาใจในบรรดาพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล จนเกิดเป็นความบาดหมางระหว่างบรรดากองเชียร์ของทั้งสองพรรค ซึ่งแน่นอนความขัดแย้งดังกล่าวนี้ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมแอบยิ้มอย่างดีใจ

สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การที่ ส.ว. 250 เสียง มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็นประมุขฝ่ายบริหารนั้น ทำให้ทุกพรรคการเมืองต้องคิดหนัก หากอยากจะเป็นรัฐบาล กุมอำนาจบริหารประเทศ นี่จึงเป็นโจทย์สำคัญที่พรรคเพื่อไทย ที่แน่นอนต้องถือว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ส.ส. จักต้องคิดให้หนักว่าจะทำอย่างไร

เมื่อย้อนดูแทบทุกผลโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองจากทุกสำนักแล้ว พรรคเพื่อไทยประเมินแล้วว่าพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ อันประกอบไปด้วยพรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ รวมกันแล้วน่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 70 เสียงแน่นอน ดังนั้นถ้าจะปิดสวิทช์ ส.ว.ได้ พรรคเพื่อไทยต้องได้ 310 เสียง เพื่อความมั่นใจ

นี่จึงเป็นที่มาของตัวเลข 310 เสียง “แลนด์สไลด์” ที่พรรคเพื่อไทยเริ่มใช้ในการรณรงค์เลือกตั้งในครั้งนี้

ซึ่งตัวเลขนี้ ไม่ได้เป็นการการันตีความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม และไม่ได้การันตีว่าจะไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาล แต่อย่างใด

แต่หมายถึง “อำนาจต่อรอง” ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่จะกลับมาอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยแบบเบ็ดเสร็จนั่นเอง

“310 แลนด์สไลด์” จึงต้องอยู่ที่ประชาชนจะเลือกความชัดเจน หรือความจัดเจน นั่นน่ะแล
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net