Skip to main content
sharethis

หลายองค์กรชื่นชม 'อนุทิน' ไม่ปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้า ด้านเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า 'กลุ่มลาขาดควันยาสูบ' (ECST) สุดผิดหวัง ชี้ฟังข้อมูลด้านเดียวด่วนสรุปบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย พร้อมสู้ถึงที่สุดจะนำ 4 หมื่นรายชื่อ พร้อมผลวิจัย-แนวทางที่ต่างประเทศควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าไปนำเสนอให้พรรคภูมิใจไทย


ที่มาภาพประกอบ: lindsayfox (Pixabay License)

18 ส.ค. 2562 เครือข่ายต้านบุหรี่และเครือข่ายเยาวชนแสดงความชื่นชมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธาณสุข ที่ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ออกแถลงการณ์ว่า เป็นข่าวอันเป็นมงคลยิ่งต่อการสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพของประชาชน ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ประกาศเห็นชอบในการคงกฎหมายห้ามนำเข้า และจําหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ ในประเทศไทยต่อไป ด้วยเล็งเห็นถึงอันตรายและพิษภัยของสารเสพย์ติดและทำลายสุขภาพที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้านักการเมืองดีๆ ที่รับฟังเหตุผล มีวิสัยทัศน์ทำงานโดยยึดหลักการและความถูกต้องเช่นนี้ ย่อมต้องได้รับการต้อนรับและชื่นชมจากสังคมยาวนาน

นอกจากนี้นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยยังแสดงความชื่นชมนายอนุทินเช่นกันว่า เครือข่ายยุวทัศน์ฯ ขอขอบคุณ นายอนุทิน ที่ประกาศว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งอันตรายและผิดกฎหมาย จะคงมาตรการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ เพราะจะส่งผลต่อเด็กและเยาวชน รวมทั้งเป็นการเพิ่มนักสูบหน้าใหม่ โดยสถาบันยุวทัศน์ฯ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายเยาวชนทั่วประเทศไทย ขอขอบคุณมาตรการสนับสนุนห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยปกป้องเด็กและเยาวชน ไม่ให้กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น

'เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า' สุดผิดหวังชี้ฟังข้อมูลด้านเดียวด่วนสรุปบุหรี่ไฟฟ้าอันตราย

ด้านนายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า 'ลาขาดควันยาสูบ' หรือ 'ECST' และแอดมินเฟสบุ๊ค 'บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร' ระบุถึงกรณีที่นายอนุทิน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่าบุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นสินค้าผิดกฎหมายและไม่คิดยกเลิกแบน เพราะบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติดและมีพิษภัยว่า

"พวกเราผิดหวังมากกับสิ่งที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และพรรคภูมิใจไทยเคยให้สัญญาไว้กับสังคมมีความย้อนแย้งกัน ก่อนหน้านี้พรรคเคยมีนโยบายที่ทันสมัยมีความก้าวหน้า ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและผลการวิจัยใหม่ๆ เช่น ปลดล็อคกัญชาเพื่อการรักษาโรคได้ หรือประกาศจะทำให้แกร็บแท็กซี่ถูกกฎหมาย แต่กลับไม่สนใจเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ที่อาจจะช่วยแก้ปัญหาอันตรายจากการสูบบุหรี่ของคนไทยได้ แต่กลับเลือกที่จะฟังข้อมูลด้านเดียวจาก สสส."

ด้านนายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่าเราขอร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะทำงานมาศึกษาและรับฟังความเห็นของประชาชนในเรื่องนี้ให้รอบคอบก่อนสรุป แผนการดำเนินงานของ สสส. เพื่อควบคุมยาสูบและส่งเสริมสุขภาพปีนี้ได้รับอนุมัติงบประมาณ 3,800 ล้านบาท แต่ก็เห็นรณรงค์แบบนี้กันมาตลอด แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่ในบ้านเราไม่ได้ลดลง อย่างไรก็ตาม พวกเราและสมาชิกเครือข่ายฯ พร้อมจะสู้ถึงที่สุดโดยจะนำเอารายชื่อผู้สนับสนุนให้มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายกว่า 4 หมื่นรายชื่อพร้อมผลการวิจัยและแนวทางที่ต่างประเทศควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าไปนำเสนอ เพื่อเป็นข้อมูลให้พรรคภูมิใจไทยว่าจะฟังเสียงความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนหรือไม่ต่อไป

'อนุทิน' ปิดประตู 'บุหรี่ไฟฟ้า' ผิดกฎหมาย 100%

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะ รองประธานกรรมการกองทุนฯ คนที่ 1 เข้าร่วมประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 7/2562 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ ในช่วงก่อนเริ่มการประชุม นายอนุทิน พร้อมด้วย รมช.สาธารณสุข ร่วมออกกำลังกาย “บริหารร่างกายสไตล์ไทย” ที่ สสส. ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน พัฒนาท่าบริหารร่างกายประกอบเพลงเพื่อให้คนทำงานได้บริหารร่างกายก่อน หรือช่วงเวลาปฏิบัติงานระหว่างวัน เพื่อเตรียมร่างกาย และจิตใจให้พร้อมทำงาน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและสมอง ช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรงขึ้น

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนการดำเนินงานประจำปี 2563 ซึ่งกำหนดตัวชี้วัดหลักที่สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดแผนหลัก 3 ปี และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถึงร้อยละ 89.3 อาทิ เสริมประสิทธิภาพงานควบคุมยาสูบระดับเขตและจังหวัด เคลื่อนงานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เน้นอำเภอเสี่ยง 283 อำเภอ และแก้ปัญหารถจักรยานยนต์ในกลุ่มเสี่ยง เพิ่มกิจกรรมทางกายในโรงเรียน สถานประกอบการ และชุมชนตามแผนกิจกรรมทางกายชาติ ลดอัตราภาวะน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วนในวัยเรียนให้น้อยกว่าร้อยละ 10 สนับสนุนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติและจังหวัดต้นแบบยุติเอดส์ เกิดกลไกระดับอำเภอดูแลสุขภาวะเด็กกลุ่มเปราะบางเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐ กลุ่มคนไร้บ้านมีศักยภาพความพร้อมในการกลับคืนสู่สังคม สนับสนุนขับเคลื่อนด้านวิชาการ การใช้กัญชาทางการแพทย์ ให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้กัญชา กัญชง หรือพืชสมุนไพรอื่นๆ

นอกจากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบโครงการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ โดยกรมควบคุมโรค ทำหน้าที่เสริมความเข้มแข็งของการควบคุมแอลกอฮอล์และยาสูบ ผ่านคณะทำงานระดับชาติ เขต จังหวัด และอำเภอ จนถึงระดับชุมชน ขยายพื้นที่ดำเนินการให้ครอบคลุม ป้องกันนักสูบนักดื่มหน้าใหม่ ผ่านสถานศึกษาทุกระดับ ดำเนินงานตามเกณฑ์คุณภาพสถานศึกษาปลอดบุหรี่และสุรา เป็นการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง สสส. และกระทรวงสาธารณสุข

“ผมพร้อมสนับสนุน สสส. และภาคีเครือข่าย ซึ่งหลายโครงการของ สสส. ที่ขับเคลื่อนอยู่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่อย่างชัดเจน อาทิ สนับสนุนการขับเคลื่อนระบบสุขภาพระดับอำเภอทั่วประเทศอย่างน้อย 800 อำเภอ ผ่านกลไก คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต(พชอ.) ซึ่งทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสริมสมรรถนะการจัดการสุขภาพในพื้นที่ แต่ขอให้ สสส.เน้นการทำงานลงไปถึงพื้นที่ ลงถึงชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะ สสส. เป็นพลังที่จะช่วยให้การทำงานตามนโยบายของรัฐบาลถูกนำไปปรับใช้อย่างแท้จริง” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีความพยายามที่จะนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และสื่อสารว่าช่วยลดเลิกบุหรี่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กรมควบคุมโรค ยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีพิษภัย และห้ามนำเข้า 100% หากจะนำเข้าต้องมีการแก้กฎหมาย ซึ่งในยุคนี้คงไม่มีใครทำเรื่องแบบนั้น เพราะจะเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชน แม้จะมีนิโคตินในปริมาณน้อยกว่า แต่หากสูบผลลัพธ์ก็คือการเสพติดอยู่ดี ดังนั้นฝากให้กรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อสารสร้างความเข้าใจถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า


ที่มาเรียบเรียงจาก: news.ch7.com | มติชนออนไลน์ | ไทยรัฐออนไลน์

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net