สปสช. เผยกลุ่มเสี่ยงพบชาวต่างชาติติดเชื้อโควิด-19 ใช้สิทธิตรวจคัดกรองโรคได้ไม่มีค่าใช้จ่าย

สปสช.ย้ำคนไทยกลุ่มเสี่ยงคัดกรองโควิดไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังพบต่างชาติติดเชื้อเข้าประเทศไม่กักตัว ช่วยสนับสนุนหน่วยงานเร่งคัดกรอง ตรวจยืนยันค้นหาผู้ติดเชื้อ สร้างความมั่นใจประชาชน ขณะที่เครือข่ายผู้ป่วยชื่นชมระบบตรวจสอบของ สปสช. หลังตรวจพบหน่วยบริการทุจริตเงินบัตรทอง

นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

16 ก.ค. 2563 ทีมสื่อสาร สปสช. รายงานว่า นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในการตรวจยืนยันผู้มีความเสี่ยงและค้นหาผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดความหวาดวิตกการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งที่จังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ ในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ที่ผ่านมา สปสช.ได้บรรจุการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เพื่อให้ประชาชนทุกสิทธิการรักษาได้รับการคัดกรองอย่างครอบคลุมและทั่วถึง

ทั้งนี้จากข้อมูลในระบบเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม -9 กรกฎาคม 2563 มีประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองแล้วจำนวน 382,448 คน เป็นจำนวนการตรวจ 403,852 ครั้ง รวมเป็นค่าบริการจำนวน 1,164.80 ล้านบาท 

"ขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากที่หวั่นวิตกว่า อาจได้รับเชื้อโควิด-19 ทั้งกรณีที่มีรายงานพบทหารอียิปต์และเด็กหญิงชาวซูดานติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยไม่ได้ผ่านการกักตัว ซึ่งประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับการคัดกรองและตรวจยืนยันได้ ตามสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อเร่งดำเนินการควบคุมโรคแล้ว”

นพ.การุณย์ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของการจ่ายชดเชยค่าบริการตรวจยืนยันการติดเชื้อโดยห้องปฏิบัติการ หลักเกณฑ์ในการจ่าย สปสช.จะยึดตามกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้มีหนังสือแจ้ง สปสช. เรื่องการปรับอัตราค่าบริการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ด้วยเทคนิค Real time RT-PCR เป็นอัตรา 2,100 บาท/ตัวอย่าง จากเดิม 2,500 บาท/ตัวอย่าง ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายคัดกรองลดลง โดยอยู่ระหว่างการส่งเรื่องเพื่อประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป

เครือข่ายผู้ป่วยชื่นชมระบบตรวจสอบของ สปสช. ตรวจพบหน่วยบริการทุจริตเงินบัตรทอง

ธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เครือข่ายผู้ป่วยหลายหลายองค์กรได้หารือร่วมกันถึงกรณีคลินิกเอกชน 18 แห่ง ทุจริตตกแต่งตัวเลขเบิกจ่ายเงินเกินจริง มูลค่า 74 ล้านบาท โดยทุกองค์กรเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันว่า เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และมั่นใจว่าผู้ป่วยจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้

ธนพลธ์ กล่าวว่า การที่ สปสช.ตรวจสอบพบพฤติกรรมการทุจริตของหน่วยงานคู่สัญญานั้น นอกจากจะสะท้อนถึงกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังถือว่า สปสช.มีความกล้าหาญทางจริยธรรมเป็นอย่างมาก เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หน่วยงานรัฐจะออกมาให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตภายใต้ความรับผิดชอบของตัวเอง

“ผมคิดว่ากรณีนี้สะท้อนถึงความโปร่งใสขององค์กร หรืออย่างน้อยก็สามารถสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจากการเดินหน้าเอาผิดในทุกๆ ช่องทาง ทั้งการยกเลิกสัญญาทันที แจ้งความคดีฉ้อโกง คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จรรยาบรรณวิชาชีพ และล่าสุดยังมีการขยายผลจาก 18 คลินิก เป็น 63 คลินิกอีก ตรงนี้ทำให้เชื่อได้ว่า สปสช. จริงใจเอาผิดคนทุจริตจริงๆ” ธนพลธ์ กล่าว

ธนพลธ์ กล่าวว่า เครือข่ายผู้ป่วยหลากหลายองค์กรต่างรู้สึกเห็นใจ สปสช.เป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้มีความพยายามในการเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือหลงประเด็นว่า สปสช.เป็นผู้กระทำการทุจริต ทั้งที่ สปสช.เป็นผู้ตรวจสอบจนพบการทุจริต คำถามคือหากปล่อยให้ตรรกะเช่นนี้ผิดเพี้ยนต่อไป แล้วในอนาคตหน่วยงานใดจะกล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้อีก

“กรณีนี้ชัดเจนว่าเมื่อ สปสช.ตรวจสอบพบการทุจริตก็ดำเนินการเอาผิดทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากกว่าการตำหนิ ผมคิดว่าเราควรให้กำลังใจคนทำงาน ไม่ใช่ปล่อยให้กลายเป็นเรื่องของการหาเหาใส่หัว เพราะสุดท้ายแล้วจะทำให้ทุกหน่วยงานช่วยกันปกปิดการทุจริต เนื่องจากไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนผิดเอง” ธนพลธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับ สปสช.ก็จำเป็นต้องเคลียร์ตัวเองให้ชัด โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่ามีคนในองค์กรเกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้หรือไม่ หากพบว่ามีมูลก็ต้องสอบสวนอย่างเข้มข้น ถ้าผิดจริงก็ต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ของหน่วยงานรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท