สมาคมนักเรียนไทยในยุโรป ออกแถลงการณ์ร่วม จุดยืนต่อเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย เรียกร้องปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังโดยเจ้าหน้าที่รัฐ-เปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออก
17 ต.ค. 2563 สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ สมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศสฯ สมาคมนักเรียนไทยในสมาพันธรัฐสวิส และกลุ่มนักเรียนไทยในประเทศเบลเยียม ออกแถลงการณ์ร่วม เรื่อง จุดยืนต่อเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย
ตามที่ได้มีการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนหลากหลายกลุ่มนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา สถานการณ์ได้ตึงเครียดขึ้นโดยลำดับ จนนำมาซึ่งการใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในช่วงเย็นของวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ตามเวลาในประเทศไทย
สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ สมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศสฯ สมาคมนักเรียนไทยในสมาพันธรัฐสวิส และ กลุ่มนักเรียนไทยในประเทศเบลเยียม ขอแสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดดังต่อไปนี้
เรามีความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนดังกล่าวเป็นไปตามหลักการชุมนุมที่สงบสันติ ปราศจากอาวุธ อันอยู่ในขอบเขตของเสรีภาพในการแสดงออกที่คุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญและหลักการสากลทุกประการ รัฐมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพดังกล่าว
ทั้งนี้ความคิดเห็นของบุคคลสามารถแตกต่างกันได้ และเป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย กระนั้นสังคมที่มีวุฒิภาวะย่อมรับมือกับความแตกต่างนั้นบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรม การพยายามรักษาความเงียบหรือสงบความต่างด้วยความกลัวมิใช่ทางออก หากแต่เป็นการปิดกั้นความหลากหลายที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของผู้คนในสังคมไทย
การกระทำของรัฐบาลไทยเพื่อต่อต้านบั่นทอนการชุมนุมของบุคคลหลายกลุ่มตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมแกนนำด้วยข้อหารุนแรงเกินความเป็นจริง การส่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าคุกคามเยาวชนและผู้ปกครอง ไปจนถึงการสลายการชุมนุมในวันที่ 15 และ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา อันเป็นการสลายการชุมนุมในยามวิกาล และเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ มีการจับกุมคุมขังผู้ชุมนุมจำนวนมาก รวมทั้งมีการคุกคามสื่อมวลชนและการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ไม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองเป็นวงกว้าง
แม้รัฐจะอ้างอำนาจกระทำการดังกล่าว ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หากแต่การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในสภาวการณ์เช่นนี้ เป็นการประกาศที่ไม่ชอบธรรม เนื่องด้วยไม่ปรากฏการก่อการร้าย หรือการใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน รวมถึงความรุนแรงต่อความมั่นคงของรัฐ หรือบุคคลในรัฐบาลจากฝ่ายผู้ชุมนุมแต่ประการใด
ทั้งนี้ผู้ที่ใช้อำนาจในนามความมั่นคงของชาติพึงระลึกไว้เสมอ ว่าชาติคือประชาชน ดังนั้นความมั่นคงของชาติที่เป็นปฏิปักษ์กับความมั่นคงของประชาชนย่อมไม่มี
ด้วยจุดยืนดังกล่าว เราขอเรียกร้องให้รัฐบาล
1. ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยทันที
2. ยุติการกระทำใดๆ ที่เป็นการคุกคามประชาชน
3. ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มีการใช้สิทธิในการปรึกษาทนายความและต่อสู้คดีอย่างโปร่งใสและยุติธรรม
4. เปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกของตน บนพื้นฐานที่รองรับไว้โดยรัฐธรรมนูญและหลักการสากล ด้วยความเคารพในมนุษย์ผู้มีศักดิ์ศรีสมบูรณ์เสมอกัน
เรากำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง มีแต่การถกเถียงและรับฟังกันอย่างเปิดใจเท่านั้นที่จะเป็นทางออกจากวิกฤตการณ์ที่กำลังเผชิญในขณะนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและสังคมจะเปิดให้ "เสียงแห่งยุคสมัย" ได้เปล่งดังเคียงคู่เสียงอื่นๆ ในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม
สมาคมนักเรียนไทยในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ
สมาคมนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศสฯ
สมาคมนักเรียนไทยในสมาพันธรัฐสวิส
กลุ่มนักเรียนไทยในประเทศเบลเยียม
16 ต.ค. 2563
หมายเหตุ: แถลงการณ์ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการร่างโดยการมีส่วนร่วมของสมาชิก และได้รับมติสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ผ่านการหยั่งเสียงโดยลับ ให้ออกแถลงการณ์ในนามสมาคม
ด้านมูลนิธิอาเซียนเฮาส์ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรื่องสถานการณ์ชุมนุมในประเทศไทย: การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการจับกุมผู้ชุมนุมเป็นการละเมิดเสรีภาพการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)