ศอร.ฉ. แถลงยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแต่ยังดำเนินคดีต่อได้ แจ้งความแล้ว 81 คดี ผู้ถูกกล่าวหา 78 คน มีเยาวชน 4 คน ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัว ยกเว้นแกนนำ 8 คน

สื่อหลายสำนักรายงานว่า พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยผลการปฏิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในช่วงวันที่ 15 - 22 ต.ค. 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า หลักสำคัญในการยกเลิก คือ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง แต่ในข้อกฎหมาย หรือ ผู้กระทำความผิดจะยังถูกดำเนินคดีความ ตามวิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงเยาวชนผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้วย แต่เมื่อถูกจับกุมไม่ต้องถูกส่งตัวไป บก.ตชด.ภาค 1 ให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายปกติไปได้เลย อีกทั้งผู้เสียหายยังสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ตามอายุความของคดี

ส่วนผลการแจ้งความดำเนินคดีและจับผู้ต้องหาในช่วงเหตุการณ์ชุมนุม จากวันที่ 13-23 ต.ค. 2563 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า มีผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดี 81 คดี จำนวนผู้ต้องหา 78 คน มี 3 คนที่ถูกดำเนินคดีซ้ำ ส่วนความผิดที่แจ้งความผู้ต้องหา ได้แก่

1. ความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำนวน 46 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 4 คน ถูกดำเนินคดีด้วย

2. ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 จำนวน 21 คน

3. ข้อหาประทุษร้ายต่อองค์รัชทายาทและพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 จำนวน 3 คน

4. ความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จำนวน 10 คน

5. ความผิดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 จำนวน 1 คน

รอง ผบช.น. กล่าวว่า ในจำนวนผู้ต้องหาเหล่านี้ พนักงานสอบสวนส่งตัวผัดฟ้องฝากขังไปแล้ว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว 70 คน มี 8 คน ที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำ แยกเป็นเรือนจำกลางเชียงใหม่ จำนวน 1 คน คือ อานนท์ นำภา และอีก 7 คน ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้งหมดเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) และพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน)

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ยืนยันว่า กรณีดำเนินคดีกับเยาวชน เป็นการดำเนินคดีตามข้อกฎหมายแต่การพิจารณาความผิด บทลงโทษ จะเป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.เด็กเเละเยาวชน ซึ่งเยาวชนผู้ถูกดำเนินคดีจะถูกพิจารณาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง