สนส. จี้รัฐยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมโดยสงบ ซึ่งเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ชี้การใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุมไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์
9 พ.ย. 2563 สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ออกแถลงการณ์ ขอให้รัฐบาล ยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ออกมาใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ โดยระบุถึงกรณีการชุมนุมของราษฎร ซึ่งเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. และการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดน้ำที่มี
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงมีความเห็นว่า 1.การใช้เสรีภาพในการชุมนุ
2.การแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องให้มีการปฎิรู
และ 3.การที่เจ้าหน้าที่รัฐฉีดน้ำ
ในการนี้ สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้บั
2. หน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่
3. เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติ
ในทางกลับกัน ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แสดงความเห็นผ่านเฟสบ๊กแฟนเพจ เรียกร้องให้ ผบ.ตร. อธิบดี DSI อัยการสูงสุด ผู้พิพากษา ตุลาการในศาลยุติธรรม ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา ต่อการกระทำความผิดของผู้ชุมนุม
โดยถาวร ระบุว่า จากกรณีการชุมชุมของกลุ่มคณะราษฎรที่ผ่านมา และมีข้อเรียกร้อง 3 ประการ ซึ่ง 1 ใน 3 ข้อเรียกร้อง คือ การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
คนไทยมีความเชื่อ ความศรัทธา และความรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จากรุ่นสู่รุ่นส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณูปการที่บูรพกษัตริย์ได้ทรงกระทำไว้ทั้งเรื่องการดำรงและรักษาเอกราชของประเทศ การพัฒนาประเทศให้นำสมัย การสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดินไทย และการดำรงตนในฐานะศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ ทั้งนี้ ความเชื่อ ความศรัทธา และความรักนั้นยังคงอยู่และหวังว่าจะสืบทอดไปถึงรุ่นต่อไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจของคนไทยยังคงรักในสถาบันพระมหากษัตริย์
หนึ่งในหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือ การบริหารอำนาจรัฐที่มาจากเสียงข้างมากของพลเมืองผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ประชาชนทุกคนควรจะต้องเคารพเสียงข้างมาก ทั้งนี้ก็มิได้ละเลยต่อเสียงข้างน้อย และที่สำคัญอีกประการคือ การเคารพในสิทธิของทุกคน หากเราเคารพในสิทธิของเสียงข้างมาก และเคารพในเสียงข้างน้อย จึงมิสมควรที่จะมีการแสดงออกซึ่งการไม่เคารพสิทธิของกันและกันไม่ว่าจะในเรื่องทางการเมือง ความเชื่อ หรือความศรัทธา
การชุมนุมเรียกร้องเป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่อย่างไรก็ตามควรอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น พรบ. ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะฯ เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและความปกติสุขของประชาชนในการดำรงชีวิตและการประกอบสัมมาชีพ และการชุมนุมจะต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่กระทำให้ผู้อื่นใดต้องเดือดร้อน และที่ผ่านมาประเทศไทยมีการชุมนุมมาหลายครั้งหลายครา และไม่มีผู้ใดปฏิเสธการขัดต่อกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ สตรี หรือแม้กระทั่งผู้มีชื่อเสียง
ผม เห็นว่า การชุมนุม การเรียกร้อง และการแสดงออกของกลุ่มคณะราษฎร หากเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยต้องการเปลี่ยนแปลง เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ ภายใต้กฎหมาย และผมก็เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่ายุคสมัยได้มีการเปลี่ยนผ่าน ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แต่ผมเชื่อเสมอว่า การเปลี่ยนแปลงต้องทำด้วยอารยะ และไปในทางที่ดีขึ้น หากแต่การแสดงออกซึ่งการทำลาย ทำร้าย ความศรัทธา ความเชื่อ ความรักของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปรากฎขึ้นนั้น มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดเลยต่อระบอบประชาธิปไตยตามแบบที่ต้องการและเรียกร้อง หรือแม้กระทั่งจะเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ดีสำหรับคนไทยในยุคต่อไปหรือไม่ หากท่านจะกล่าวอ้างว่าต้องการ "ปฏิรูป" นั้น จะต้องไม่ใช่การทำลาย แต่มันจะต้องเป็นการปรับปรุง แต่การกระทำที่แสดงออกมาต่างๆโดยตลอดดังเห็นในภาพ และวาจาที่ปรากฎ คือการทำลาย อย่างน้อยที่สุดก็คือทำร้ายความรู้สึก ความรัก ความศรัทธาของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
สุดท้าย ผม ขอเรียกร้องให้ผบ.ตร. อธิบดี DSI อัยการสูงสุด ผู้พิพากษา ตุลาการในศาลยุติธรรม ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา อย่าได้เกรงกลัวและละเว้นไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นปัญหาของบ้านเมือง เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพื่อให้สังคมไทยกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ประชาชนไทยทุกคนเคารพกฎหมายและเคารพหลักการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)