Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

การที่ค่าบริการรถไฟฟ้าของไทยแพงกว่าประเทศอื่นๆ แสดงว่ามีการโก่งค่ารถไฟฟ้าหรือไม่ การบริหารของรัฐหน่อนยาน มีผลประโยชน์ทับซ้อน และผลประโยชน์ไปตกแก่นายทุนแทนที่จะเป็นประชาชนหรือไม่

ค่าบริการรถไฟฟ้าบีทีเอสของเราแสนแพงจริงๆ เรามาเปรียบเทียบกันดู และมาดูว่าความจริงควรมีส่วนลดอย่างไรบ้างสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสในอนาคต จากการศึกษาเปรียบเทียบพบว่า

1. ที่กรุงมะนิลา ค่ารถไฟฟ้าอยู่ที่ 15-30 peso (10-20 บาท)

2. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ คิดค่าโดยสาร 0.8-7.2 ringgit (6-53 บาท) แต่กัวลาลัมเปอร์มีค่าครองชีพแพงกว่าไทย ดังนั้นจึงควรมีราคาไม่เกิน 35 บาทเท่านั้น

3. ที่กรุงจาการ์ตา คิด 3,000-14,000 rupiah (7-30 บาท) หรือถ้าคิดในแง่ค่าครองชีพไทย ราคาก็ไม่เกิน 25 บาทต่อเที่ยว

4. ที่สิงคโปร์ ค่าบริการตก 0.92 - 2.03 ดอลลาร์สิงคโปร์ (21-46 บาท) แต่สิงคโปร์มีค่าครองชีพมากกว่าเรา 3 เท่า ก็คงเป็นเงินไม่เกินเที่ยวละ 18 บาท

5. ที่กรุงโตเกียว ตั๋ววันคิด 800 yen (233 บาท หากขึ้นไปกลับก็ตกเที่ยวละ 116 ถ้าค่าครองชีพญี่ปุ่นแพงกว่าไทย 4 เท่า ก็เท่ากับ 29 บาทเท่านั้น) ก็ถูกกว่าไทยอีกแล้ว

6. ที่นครนิวยอร์ก ค่าโดยสารประมาณ 2.75 USD (83 บาท ถ้าคิดว่าค่าครองชีพไทยต่ำกว่า 4 เท่า ก็เท่ากับ 21 บาทเท่านั้น) ซึ่งก็ยังถูกกว่าไทยอยู่ดี และยังนั่งได้ทั้งรถเมล์อีกต่างหาก

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าค่าโดยสารบีทีเอส “แพงหูฉี่” จริงๆ เทียบกับรถประจำทางแล้วแพงกว่ากันหลายเท่า ถ้านั่งแท็กซี่จากสนามบินสุวรรณภูมิเข้าเมือง นั่งแท็กซี่ยังคุ้มกว่า ยิ่งถ้า 2 คนขึ้นไปยิ่งคุ้มมาก

 เรามาลองดูค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสว่าควรลดเท่าไหร่

1. บีทีเอสมีกำไร กำไรปี 2562-3 (ล้านบาท) จำนวน 8,162.5 ล้านบาท

2. ถ้าอัตราเพิ่มของกำไรใน 10 ปีล่าสุด (ดูจากอัตราเพิ่มของผู้ใช้บริการ) ก็อาจเป็น 5.79%

3. ดังนั้นกำไรที่คาดว่าจะเป็นในปี 2572 เมื่อหมดสัมปทานช่วงแรก จึงควรเป็น 14,337.2 ล้านบาท

4. ประมาณการกำไรเฉพาะส่วนสัมปทานเดิม มีกำไรเป็น 60% ของกำไรทั้งหมด

5. กำไรจากเฉพาะสัมปทานเดิม จึงเป็นเงินประมาณ 8,602.34 ล้านบาท

6. จำนวนผู้โดยสาร ณ ปี 2562 มี 247.6 ล้านเที่ยว

7.จำนวนผู้โดยสารในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าเพิ่มขึ้น 5.79% ก็น่าจะเป็น 434.9 ล้านเที่ยว

8. ถ้าเอา 8,602.34 ล้านมาหารด้วย 434.9 ล้านเที่ยว ก็จะได้เงินคืนแก่ผู้โดยสารทั้งระบบถึง 19.8 บาท หรือราว 20 บาท ณ ปี 2572 นั่นเอง

9. แต่ถ้าทอนมาเป็นการลดค่าโดยสารจากในอนาคต ก็อาจลดได้ประมาณ 20 บาทต่อเที่ยวจากปัจจุบัน

กิจการรถไฟฟ้าอาจจะกลายเป็นกิจการผูกขาดในอนาคต สัมปทานก็ไม่รู้จักหมดต่อออกไปเรื่อยๆ ทำให้รัฐหรือภาคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ โปรดสังวร

 

การค้นหาจากเว็บ

Manila 15-30 peso (10-20 บาท) https://lrmc.com.ph/light-rail-manila-one/

Kuala Lumpur 0.8-7.2 ringgit (6-53 บาท)

https://www.myrapid.com.my/clients/Myrapid_Prasarana_37CB56E7-2301-4302-9B98-DFC127DD17E9/contentms/img/faretable_2017/25072017-FareTable-CashlessTnGo.png

Singapore 0.92 - 2.03 (21-46 บาท) https://mrt.sg/fare

Jakarta 3,000-14,000 rupiah (7-30 บาท) https://jakartaglobe.id/context/jakarta-sets-mrt-ticket-price/

Tokyo ทั้งวัน 800 yen (233 บาท หากขึ้นไปกลับก็ตกเที่ยวละ 116 ถ้าค่าครองชีพญี่ปุ่นแพงกว่าไทย 4 เท่า ก็เท่ากับ 29 บาทเท่านั้น) https://www.tokyometro.jp/th/ticket/travel/index.html

New York 2.75 USD (83 บาท ถ้าคิดว่าค่าครองชีพไทยต่ำกว่า 4 เท่า ก็เท่ากับ 21 บาทเท่านั้น)

https://new.mta.info/fares

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net