Skip to main content
sharethis

(เก็บตก) 'ป้อกอ' เบบี้บูมเมอร์ หวังมาเสริมพลังการชุมนุม พ่อค้าน้ำจรวด ทั้งขายของและเอาใจช่วยนักศึกษา 'วินมอเตอร์ไซค์' มองความรุนแรงไม่ว่าฝ่ายไหนมันทำลายบุคคลที่ไม่รู้เรื่อง

การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกในนาม RESTART DEMOCRACY หรือ REDEM เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ #28กุมภาบุกรังขี้ข้าปรสิต หรือ #ม็อบ28กุมภา ที่เดินขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ที่เกิดเหตุสลายการชุมนุมและการปะทะจนมีผู้บาดเจ็บและจับกุมจำนวนมากนั้น อาจทำให้ประเด็นข้อเรียกร้องของ REDEM ไม่ได้พูดถึงมากนัก เนื่องจากเนื้อหาทั้งสื่อและสังคมออนไลน์ไปสนใจเรื่องความรุนแรงและการจับกุมมากกว่า

อนึ่ง RESTART DEMOCRACY หรือ REDEM ระบุถึงเหตุผลการชุมนุมครั้งนี้ว่า ค่ายดังกล่าวเป็นค่ายทหารที่ที่ถูกโอนไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ ทั้งที่ในระบบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ กษัตริย์จะมีบทบาทเพียงปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง ซึ่งเป็นไปตามหลักการ “กษัตริย์ทำผิดไม่ได้ (The king can do no wrong)” แต่การโอนกองกำลังไปเป็นของกษัตริย์เช่นนี้ คือการทำให้กษัตริย์มีอำนาจปกครองเหนือกองทัพ ซึ่งอาจส่งผลให้กษัตริย์ “ทำผิดได้” อีกทั้งยังมีบ้านพักที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปอยู่ฟรีโดยภาษีประชาชน ดังนั้นการเดินขบวนครั้งนี้ REDEM ระบุว่าเปรียบเสมือนการออกสาสน์ให้กษัตริย์คืนค่ายทหาร พร้อมจ่ายค่าเสียหายและค่าน้ำค่าไฟให้ประชาชนด้วย

ประชาไทมีโอกาสพูดคุยกับผู้ร่วมชุมนุม 3 คน มุมมองด้านการเคลื่อนไหว ความรุนแรง เหตุผลที่มาร่วมชุมนุมครั้งนี้ต่างกันออกไปดังนี้

'ป้อกอ' เบบี้บูมเมอร์ หวังมาเสริมพลังการชุมนุม

"ปกตินี่ไม่เคยไปร่วมม็อบไหนเลย นอกจากม็อบนักศึกษา เรามองเขาว่าไม่ได้มาเพื่อผลประโยชน์ เหมือนอย่าง กปปส. หรือพันธมิตร ที่มีผลประโยชน์นำ" นี่คือเสียงของป้อกอ เธอและลูกสาวเดินทางมสเข้าร่วมชุมนุมจัดโดย REDEM วันนี้ เธอระบุถึงเหตุผลที่เข้าร่วมชุมนุมวันนี้ว่า

"อยากมาช่วยเสริมพลังการชุมนุมในวันนี้ อยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของประชาชน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่ IO"

ป้ากอ
ภาพป้ากอ

สำหรับการใช้มาตรา 112 จัดการนักกิจกรรมการเมืองคนรุ่นใหม่นั้น เธอมองว่า การมี 112 เพราะรัฐต้องการทำให้เรากลัว และอยู่ใต้อำนาจเขาต่อไป เพราะฉะนั้น เราออกมาเพื่อแสดงว่าเราไม่กลัว และสิ่งที่เราทำได้คือการชุมนุมแบบสันติ

นอกจากนี้ เธอมองว่า การใช้วิธีที่รุนแรง จะทำให้ม็อบขาดความชอบธรรม ไม่น่าเชื่อถือ ประชาชนมีแต่มือเปล่า มีแต่ใจ

"อยากเป็นกำลังใจให้ เพราะอย่างม็อบ Baby boom เป็นคนที่สร้างปัญหา และก็ไม่ยอมมาแก้ปัญหาด้วย เป็นภาระสำหรับเด็กรุ่นหลัง พวกเขา (คนรุ่นใหม่) ก็คงต้องใช้กำลังใจมากในการฝ่าฟัน"

พ่อค้าน้ำจรวด ทั้งขายของและเอาใจช่วยนักศึกษา

พ่อค้าน้ำจรวจ

พ่อค้าน้ำจรวด หรือน้ำอัดลมโบราณรายหนึ่ง เปิดเผยว่า วันนี้ทราบข่าวจึงตั้งใจมาขายน้ำอัดลมโบราณในที่ชุมนุม ส่วนหนึ่งเพราะคนมาเยอะและขายดี อีกส่วนเพราะเอาใจช่วยนักศึกษา

พ่อค้ากล่าวว่า คนรุ่นเขาอาจรู้อะไรไม่มาก โครงการคนละครึ่ง เราชนะก็ทำไม่เป็น ร้านจึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ แต่นักศึกษาสมัยนี้มีความรู้และเข้าถึงข้อมูลมากกว่า

ส่วนป้ายที่ติดอยู่ที่รถ พ่อค้ากล่าวว่าเขาเก็บได้จากผู้บาดเจ็บที่ทิ้งไว้และเห็นว่าติดที่รถได้พอดี

'วินมอเตอร์ไซค์' มองความรุนแรงไม่ว่าฝ่ายไหนมันทำลายบุคคลที่ไม่รู้เรื่อง

แก้ว วินมอเตอร์ไซค์ ที่วันนี้วิ่งมาจากซอยอินทามะระ 8 เพื่อมาทำงานบริการรับ-ส่งในพื้นที่ชุมนุม โดยแก้วเล่าถึงการทำงานในพื้นที่ชุมนุมว่า ปกติ จะมาให้บริการรับ-ส่ง ถ้าจุดชุมนุมอยู่ใกล้กับเขตที่ตัวเองขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นประจำ โดยรายได้ต่อครั้งอาจตกอยู่ที่ประมาณ 400-500 บาท

สำหรับการทำงานในพื้นที่ชุมนุมที่เกิดการปะทะ แก้วรู้สึกว่า เวลาคนดูข่าวจากโทรทัศน์ อาจจะรู้สึกว่ามันรุนแรง แต่ตอนเขามาสัมผัส มันก็มีความรุนแรงระดับหนึ่ง เช่น การใช้ระเบิดปิงปอง (ตรงนี้เขาไม่แน่ใจเพราะดูไม่ทัน) มีการใช้แก๊สน้ำตา หรือรถฉีดน้ำแรงดันสูง แต่ไม่เห็นว่ารุนแรงถึงกับเอาชีวิต ก็เลยยังกล้ามาขับ แต่ถ้ามีการใช้กระสุนจริง เขาก็คงกลัวและคงไม่กล้ามา

แก้ว

ทั้งนี้ แก้วกล่าวเพิ่มเติมว่าก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน โดยอาจจะเป็นในเรื่องของการเว้นระยะห่าง เพื่อรอดูสถานการณ์ถ้ากรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรง ก็ขับรถออกไปก่อน รอจนสถานการณ์คลี่คลาย หรือไม่มีอันตรายก็จะขับกลับมาให้บริการใหม่

แก้ว กล่าวว่า การแสดงออกทางประชาธิปไตยมันดี แต่ไม่อยากให้เกินขอบเขต เช่น การใช้ระเบิดปิงปอง การฉีดน้ำแรงดันสูง หรือแก๊สน้ำตา เพราะเขากังวลว่า การใช้ความรุนแรงมันไม่ได้ทำร้ายแค่คู่กรณีที่เรามีเรื่องกัน แต่มีคนอื่นที่อยู่รายรอบโดนลูกหลง โดยที่เขาอาจจะไม่รู้เรื่อง หรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ส่วนตัวผม การแสดงออกทางประชาธิปไตย ผมว่ามันดี แต่บางอย่างมันเกิดขอบเขต ผมมองแล้วว่าไม่ดีในสายตาผม แต่บางคนอาจจะคิดว่าเอาตัวนี้มา เพื่อจะทำให้มันใหญ่ขึ้น มีระเบิดปิงปอง ผมว่าไม่ดี แต่การผลักดันแสดงสิทธิ์ของเรา เราแสดงได้ตามหลักประชาธิปไตย ตำรวจดันมา เราดันตำรวจกลับ มันสามารถทำได้ เพราะเราก็ต้องรักษาสิทธิ์พื้นที่ตรงนั้นที่เรามีอยู่ แต่ว่า ตำรวจอยู่ ๆ ไม่บอกไม่กล่าวใช้แก๊สน้ำตาเลย นั่นเป็นสิ่งที่ก็ไม่ดี ผมมองว่ามันไม่ดีทั้งสองฝ่าย”

“ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความรุนแรง เพราะว่าคำว่า ความรุนแรงทุกอย่างไม่ว่าระเบิดปิงปอง เป็นไม้ เป็นเหล็ก หรือเป็นอะไรดี มันสามารถทำลายบุคคลที่สามนะ บางทีเขาเขวี้ยงมา มันปะทะกันสองคนก็จริง แต่เวลาทำไป มันไม่ได้โดนแค่คนที่เราคิดจะทำร้าย แต่คนรอบข้างอาจจะโดนไปด้วย” แก้ว กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ REDEM ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกหลังประกาศเปิดตัวจากกลุ่มจากเยาวชนปลดแอกโดยมีการลงมติออนไลน์ทั้งกำหนดวัน เวลา สถานที่ และประเด็นเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มดังกล่าวมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ประกอบด้วย 1. จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์ พอกันทีกับภาษีหลายหมื่นล้านบาทที่ประชาชนต้องจ่ายให้กับสถาบันกษัตริย์ทุกๆ ปีในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังคงต้องอดมื้อกินมื้อ พอกันทีกับอำนาจที่มากล้นจนไม่อาจตรวจสอบได้

2. ปลดแอกประชาธิปไตยขับไล่ทหารออกจากการเมือง “ไม่ใช่แค่พลเอกประยุทธ์” เพราะนี่คือเครือข่ายนายพลขนาดใหญ่ที่รวมหัวกันเพื่อกัดกินประเทศนี้ และ 3. ลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า(ไม่ใช่สวัสดิการแบบชิงโชค) จัดสรรภาษีอย่างเป็นระบบ นำมาใช้กับการสร้างรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดยันตาย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net