Skip to main content
sharethis

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.แถลงกรณีเผาสิ่งของและพระบรมฉายาลักษณ์มาเผาหน้าศาลอาญาจะมีการดำเนินคดีข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ละเมิดอำนาจศาล รวมถึงบางส่วนอาจมีม.112 ด้วย ส่วน 27 คนที่เข้ามอบตัวในคืนวันเสาร์และคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มอบตัวหากตรวจสอบพบว่ามีการหลบหนีจะมีการดำเนินคดีข้อหาหลบหนี

9 มี.ค.2564 Voice TV รายงานการแถลงข่าวและการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. เกี่ยวกับการดำเนินคดีกรณีการชุมนุมหน้าศาลอาญา รัชดา ระบุว่า ข้าวของส่วนตัวของปิยรัฐที่ซ่อนไว้ใต้เบาะรถยนต์ตำรวจได้เจอแล้วและเก็บไว้เป็นของกลางในคดีอาญา และเชื่อว่าข้าวของของผู้ต้องหาน่าจะครบถ้วน แต่หากมีข้าวของผู้ต้องหาสูญหาย ถ้าพิสูจน์ทราบว่ามาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องสืบสวน แต่หากพบว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุชิงไปก็จะต้องรับผิดชอบด้วย แต่ในส่วนทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หายไป ที่สำคัญมีทั้ง โทรศัพท์มือถือและพระเครื่องเลี่ยมทอง ที่ผู้กลุ่มผู้ก่อเหตุชิงไปยังไม่ได้คืน และหลังจากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

สำหรับการควบคุมตัว 'โตโต้ และพวก' พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่า ตำรวจเข้าจับกุมเพราะพบว่ากลุ่ม Wevo เตรียมการก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง​ จากการสืบสวนพบการกระทำผิด​ และเป็นการจับกุมระหว่างทำความผิดซึ่งหน้า จึงไม่จำเป็นต้องใช้หมายจับ

ทั้งนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้แบ่งการดำเนินคดีเป็น 6 กลุ่ม

กลุ่มแรก ปิยรัฐกับพวกรวม 18 คนมี 4 ข้อหา ทั้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ , ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 และ 210 ฐานเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร

กลุ่มที่ 2 คือผู้ต้องหาที่ได้หลบหนีระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน ซึ่งจะโดนข้อหาหนักแบบกลุ่มแรกแต่จะมีข้อหาหลบหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคดีอาญาเพิ่มด้วย 

ในส่วนนี้ ผู้ที่มามอบตัวกับตำรวจและได้ปล่อยตัวไปแล้วนั้น จากนี้จะต้องตรวจสอบว่า มีใครที่เคยหลบหนีการคุมตัวหรือไม่ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย ส่วนผู้ที่ยังไม่มามอบตัวก็จะออกหมายเรียกต่อไป

ภาพการจับกุมกลุ่ม WeVo ที่เมเจอร์รัชโยธิน เมื่อ 6 มี.ค.2564 แฟ้มภาพ

ภาพการจับกุมกลุ่ม WeVo ที่เมเจอร์รัชโยธิน เมื่อ 6 มี.ค.2564 แฟ้มภาพ

กลุ่มที่ 3 คือที่ปรากฏภาพและคลิปต่างๆ ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมหรือกลุ่มการ์ด ทุบทำลายรถยนต์ทางราชการ ,ร่วมกันชิงตัวผู้ต้องหา, ทำร้ายเจ้าพนักงาน​ และชิงของกลาง ก็จะดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวกับการช่วยผู้ต้องหาหลบหนี,ขัดขวางเจ้าพนักงาน,ทําลายทรัพย์สินราชการและทำให้เสียทรัพย์

กลุ่มที่ 4 คือกลุ่มผู้ที่ทุบทำลายแนวรั้วของทางราชการของศาลอาญา​ ถนนรัชดาภิเษก ในกรณีม็อบ 6 มีนา มีการเผาสิ่งของต่างๆ และพระบรมฉายาลักษณ์ด้วย ก็จะแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องรวมถึงบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน บางส่วนจะเป็นละเมิดอำนาจศาล

นอกจากนี้ยังจะดูด้วยว่าเข้าข่ายความผิดอาญาตามมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีตามข้อหา 112 ด้วย

กลุ่มที่ 5 คือผู้ชักชวนหรือจัดชุมนุมรวมทั้งผู้สนับสนุนและเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งจะมีความผิดตาม พ. ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค พร้อมกันนี้ฝากเตือนประชาชนด้วยว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีกฎหมายห้ามชุมนุมทางการเมือง

กลุ่มที่ 6 คือผู้ก่อเหตุ ระหว่างที่ตำรวจตระเวนชายแดนกำลังจะเดินทางกลับ มีการใช้ลูกเหล็กและหนังสติ๊กรวมทั้งอาวุธปืน ยิงใส่รถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีรถยนต์ราชการเสียหาย 1 คัน รถ 6 ล้อ 2 คันรถบัสอีก 3 คันและจากการตรวจพิสูจน์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่ารอยที่ถูกยิงมาจากกระสุนปืน ดังนั้นนอกจากจะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องตามฐานความผิดข้างต้นแล้ว ก็จะพิจารณาว่าเข้าข่ายพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยหรือไม่

สำหรับการรักษาความสงบเรียบร้อยและมือการชุมนุมที่จะมีขึ้นหลังจากนี้พลตำรวจตรีปิยะยืนยันว่า ได้วางกำลังรวมถึงชุดควบคุมฝูงชนตามจุดสำคัญต่างๆไว้อย่างเพียงพอแล้ว ทั้งที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ, เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯและเรือนจำธนบุรี

ศูนย์ทนายฯ ชี้ พฤติการณ์ตามบันทึกจับกุมไม่ตรงความจริง

เมื่อวานนี้ ทางด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยแพร่เกี่ยวกับพฤติการณ์จับกุมในบันทึกการจับกุมว่ามีส่วนที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ปิยรัฐเพียงแค่เดินทางไปรับประทานอาหารที่ห้างเมเตอร์รัชธยธิน ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุม แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าควบคุมตัวโดยไม่มีหมายจับ ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่แจ้งว่าทำความผิดอะไร และไม่มีหมายค้น ทั้งนี้ปิยรัฐก็ให้ความยินยอมแต่โดยดี

ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชี้แจงสื่อมวลชนก่อนพา 14 ผู้ถูกจับกุมไป สน.พหลโยธิน

นอกจากนั้นคนอื่นๆ อีก 27 คน ก็ที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการแสดงหมายจับ ไม่มีการแจ้งข้อหา และไม่แจ้งว่าจะพาตัวไปที่ใด รวมทั้งไม่แจ้งสิทธิตามกฎหมาย แต่ถูกควบคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องขังไปทันที ซึ่งทางศูนย์ทนายฯ ได้ขอพนักงานสอบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วเพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานและพิสูจน์

อีกทั้งจากการตรวจค้นก็ไม่ปรากฏตามที่กล่าวหาว่ามีการตรวจพบวัตถุยุทธภัณฑ์ซึ่งอาจใช้เป็นอาวุธและใช้ก่อความวุ่นวายทางการเมืองนั้นได้ถูกตรวจพบจากผู้ต้องหาคนใดหรือเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคนใดหรือไม่ อีกทั้งยังไม่มีการตั้งข้อหาดำเนินคดีดังกล่าวด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net