Skip to main content
sharethis

'กลุ่มคนดูแลกันเอง' ออกแถลงการณ์ "ถามมีกระทรวงแรงงานทำไม" หลังภาครัฐสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงาน แต่การเยียวยาล่องหน ทำแรงงานก่อสร้างประสบวิกฤต จน ปชช.ต้องช่วยกันเองทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ จี้รัฐเร่งช่วยเหลือแรงงาน ทั้งเรื่องเงินเยียวยา อาหาร 3 มื้อ และสาธารณสุข หากไม่ฟัง เตรียมยกระดับการสื่อสาร  

ภาพตัวแทนกลุ่มคนดูแลกันเอง ขณะอ่านแถลงการณ์ผ่านไลฟ์สด (ที่มา เพจกลุ่มคนดูแลกันเอง)

21 ก.ค. 64 กลุ่มคนดูแลกันเอง อ่านแถลงการณ์ "เราจะมีกระทรวงแรงงานไว้ทำไม หากประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง" เมื่อเวลา 17.00 น. ผ่านเฟซบุ๊กเพจ สวดยับ หน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการบริหารแคมป์แรงงานก่อสร้าง หลังผ่านมามากกว่า 20 วันของการล็อกดาวน์แคมป์แรงงานก่อสร้าง แต่การเยียวยาและการช่วยเหลือของรัฐกลับไร้ประสิทธิภาพ จนทำให้แคมป์แรงงานหลายแคมป์ทั่ว กทม. ประสบวิกฤตขาดแคลน อาหาร ยา สิ่งของ ตลอดจนเวชภัณฑ์ จนทำให้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือแรงงานกันเอง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชน แต่นี่คือหน้าที่ของรัฐ

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนดูแลกันเอง จึงมีข้อเรียกร้องถึงภาครัฐด้วยกัน 6 ข้อ ประกอบด้วย 1) แรงงานต้องเข้าถึงเงินเยียวยาได้ทันที 2) แรงงานต้องมีอาหารครบทั้ง 3 มื้อ 3) แรงงานต้องเข้าถึงความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ยา แพทย์ 4) ภาครัฐต้องเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลแคมป์แรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการช่วยเหลือได้ 5) เยียวยาประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเอกสาร ระเบียบวิธีการต้องไว้ข้างหลัง และ 6) เลิกเป็นคุณพ่อจอมสั่งสอนประชาชนสักที 

หากภาครัฐยังไม่ฟัง ทางกลุ่มคนดูกันเอง จะยกระดับการสื่อสารต่อไป       

ทั้งนี้ กลุ่มคนดูแลกันเอง เป็นการรวมกลุ่มกันของภาคประชาชน เพื่อเป็นตัวกลางประสานงาน และลงพื้นที่ช่วยเหลือแคมป์แรงงานก่อสร้างทั่ว กทม. และปริมณฑล หลังแรงงานก่อสร้างได้รับผลกระทบหนักทั้งขาดแคลนอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ และเวชภัณฑ์ จากมาตรการล็อกดาวน์แคมป์แรงงาน เป็นเวลา 30 วัน เริ่มวันแรกวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่การเยียวยาที่รัฐสัญญาว่าจะให้กลับเดินทางมาช้า และไม่ทั่วถึง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

“เพราะแรงงานสร้างประเทศ” เมื่อรัฐสั่งปิดแคมป์คนงานไร้เยียวยา จึงเกิด ‘กลุ่มคนดูแลกันเอง’

แคมป์แรงงานย่านทองหล่อมีภาครัฐช่วยบ้างแล้ว-หวังได้เปิดไซต์งานตามกำหนด

รายละเอียดแถลงการณ์ของ “เราจะมีกระทรวงแรงงานไว้ทำไม หากประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง” 

“10 วันที่ผ่านมา กลุ่มคนดูแลกันเอง ประกอบด้วย ทีมงาน 20 ชีวิต ทำหน้าที่ประสานงานเพื่อช่วยเหลือคนงานในแคมป์ที่โดนปิดจากคำสั่งรัฐ เรามีอาสาสมัครมากกว่า 500 คน ที่รวมตัวกันภายในไม่กี่วัน เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนประชาชนหิวหรือป่วยตาย ร่วมลงพื้นที่สำรวจแต่ละแคมป์ เพื่อส่งข้อมูลกลับที่ส่วนกลาง จนเราได้ฐานข้อมูลแคมป์แรงงานที่อัปเดตกว่ากระทรวงแรงงาน 650 แห่ง โดยมีกลุ่มอาสาสมัครเฉพาะกิจ 830 ทีม สแตนด์บายรอให้ความช่วยเหลือทันที โดยไม่ต้องมีเอกสาร แรงงานเป็นแสนชีวิตกลับมามีข้าวกิน อาการป่วยถูกบรรเทา และได้รับกำลังใจว่ามีมนุษย์คนอื่นมาสนใจอยู่บ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานประกันสังคม ซึ่งเราไม่แน่ใจว่ากำลังทำงานอยู่ส่วนไหนของประเทศ แต่ในกว่า 650 แคมป์แรงงาน พวกเราแค่ไม่เห็นพวกคุณเลย ข้าราชการที่มีความตั้งใจจริงบางส่วนได้พยายามจนสุดความสามารถแล้ว พวกเราก็เห็นใจ เห็นใจพวกคุณที่ไม่มีทิศทางการทำงานใดที่น่าเชื่อถือ และสมเหตุสมผล พอให้พวกคุณทำตามได้เลย 

พวกเราเหมือนติดอยู่ในรัฐมาเฟียที่ต้องจ่ายค่าคุ้มครองในราคาแพง จ่ายภาษีเหมือนอยู่ในโลกที่หนึ่ง แต่คุณภาพชีวิตเหมือนโลกหลังความตาย สวัสดิการที่ดีได้รับในเวลาที่ประเทศต้องเผชิญปัญหา ก็หาไม่เจอ หากรวมมูลค่าของบริจาค ค่าแรง ค่าเสียโอกาสของอาสาสมัครมากกว่า 1,000 ชีวิต ที่เข้าไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทันที โดยไม่ได้ตั้งคำถาม หรือขอเอกสารใดๆ แล้ว น่าจะออกมาหลายล้านบาท กี่ล้านเรายังไม่ทราบ เพราะยังไม่สามารถแบ่งเวลาไปเก็บสถิติในขณะที่ชีวิตกำลังร่วงโรย 

มูลค่าที่เสียไปเหล่านี้ซ้ำซ้อนกับภาษีที่พวกเราได้จ่ายไปแล้ว ภารกิจเยียวยาในสภาวะวิกฤตไม่สามารถทำได้ด้วยแรงจิตอาสา ไม่มีใครทั้งสิ้นควรต้องออกมาอาสา เพื่อรักษาชีวิตคนด้วยกันเอาไว้จากนโยบายของรัฐเอง รัฐได้รับเงินจากพวกเรา คุณได้รับศักดิ์ศรี ถูกเรียกเป็นท่าน ได้รับเข็มยศ ได้รับเงินเดือน เส้นสายมากมายจนใช้ไม่จบไม่สิ้นไปอีกหลายรุ่น และนั่นต้องแลกมาด้วยการทำหน้าที่ดูแลพวกเราอย่างเต็มเวลาด้วยความจริงใจ ตามคำสัญญา ตามคำปฏิญาณใดๆ ที่เคยได้ให้ไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ พวกเราดูแลกันเอง 

กลุ่มคนดูแลกันเอง ถูกตั้งขึ้นมาเพราะความโกรธ ที่รัฐเมินเฉยต่อความเดือดร้อนของพี่น้องแรงงานในแคมป์ พวกเราทำหน้าที่เป็นแค่ตัวกลาง ประสานความต้องการจากแคมป์แรงงาน กับความต้องการจากคนที่อยากช่วยเหลือให้มาเจอกัน และเข้าไปบรรเทาความเดือดร้อน อย่างเร็วที่สุด เราใช้เทคโนโลยีเท่าที่มี สร้างแผนที่แคมป์แรงงานทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้อาสาสมัคร ในแต่ละพื้นที่ลงสำรวจสภาพ และความต้องการที่แท้จริงของแต่ละแคมป์ ซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูงมาก เช่น มีคนป่วยไหม ได้รับการตรวจโรคครบแล้วรึยัง มีเด็กไหม มีหญิงตั้งครรภ์แล้วรึเปล่า ทั้งหมดจากประสบการณ์ร่วมกันลงพื้นที่ พบว่ารัฐไม่มีความจริงใจเลย ในการดูแลผู้ใช้แรงงานเหล่านี้ แทบไม่มีแคมป์ไหนได้รับความช่วยเหลือ คนติดเชื้อบางแคมป์ต้องนอนบนพื้นปูนในเต็นท์ผ้าใบ หน่วยงานรัฐบางแห่งแจกอาหารเพียงมื้อเดียวต่อวัน ให้กับคนเพียงแค่ครึ่งเดียวของแคมป์ บางแห่งไม่เคยแจกเลย และบางแห่งไม่เคยให้ข้อมูลกับอาสาที่จะขอเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และบางแห่งยอมให้นายทุนปิดสภาพความเป็นอยู่ในแคมป์ ไม่ยอมเปิดเผยจำนวน และที่อยู่ของแคมป์ ไม่ยอมให้แคมป์ที่อยู่ใกล้พื้นที่โรงงานระเบิด ได้อพยพไปในที่ที่ปลอดภัย นอกจากจะไม่ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ยังขัดขวางหน่วยงานอื่นที่ให้ความช่วยเหลืออีกด้วย 

พวกเราอยากให้คุณทั้งหลายลองคิดว่าหากในแคมป์นั้น เป็นพ่อแม่ พี่น้อง พวกพ้อง คนที่รักของพวกคุณ ทุกอย่างจะยังช้าแบบนี้ไหม ช้าจนตายกันไปอีกกี่ชีวิต การเรียกร้องรัฐสวัสดิการที่ดี ไม่ใช่เพียงเพื่อสำหรับผู้ใช้แรงงานเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนในประเทศต้องได้รับ ปัจจุบัน การเลื่อนชนชั้นทางสังคมแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่รักษาสถานะที่มี ไม่ให้ตกต่ำไปกว่าเดิม ก็นับว่ายากเพียงพอแล้ว หลายคนตกงานในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิต เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าที่อยู่อาศัย ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง หรือค่าเทอมของลูกหลานที่สูงขึ้นทุกวัน และก็ไม่มีใครมั่นใจได้อีกต่อไป เพราะว่าความลำบากเหล่านี้จะไม่มาถึงตัวท่าน 

การมีรัฐสวัสดิการที่ดี จะทำให้เราไม่ต้องกลัวจน เพราะยังมั่นใจได้ว่ายังเข้าถึงบริการพื้นฐาน ที่รัฐควรจะมอบให้กับประชาชนทุกคน และอยากให้รู้ไว้ว่า เราทุกคนคือแรงงาน เราทุกคนล้วนอยู่ในสถานะเดียวกัน คือ แรงงาน แรงงานในสถานที่ราชการ ทุกคนคือแรงงาน และปัจจุบันนี้ มันไม่มีภาพที่ชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว กับความไม่มีศักดิ์ศรี พวกเรามันผิด พวกมันโง่ ให้พวกคุณมานั่งทวงบุญคุณ ตรงข้ามกับภาษีที่เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ไม่ได้อะไรคืนกลับมา ให้พวกคุณผูกขาด เอาสิทธิที่เป็นของประชาชน เช่น ยา วัคซีน การรักษาไว้กับตัวเองมาขายเก็งกำไร ขูดรีดจนเราไม่เหลืออะไร นอกจากคำโกหกและการดูถูก และเราไม่มีอะไรจะเสียให้คุณอีกต่อไปแล้ว และเราไม่มีอะไรต้องยอมอีกต่อไปแล้ว 

ประเทศเรามีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ไม่เคยใช้ได้จริง แรงงานหลายแคมป์ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง มีแม่กุญแจล็อกจากข้างนอก ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้าไปดูแลโดยอ้างว่าไม่มีชื่อพวกเขาอยู่ในระบบ ลักลอบเข้ามาเป็นคนต่างด้าว หากเอาความเป็นมนุษย์มาประเมินแล้ว ไม่มีข้ออ้างใดเลยที่รัฐจะไม่เข้าช่วยเหลือพวกเขาได้ทันที แต่พวกคุณไม่ได้สนใจคนด้วยกันเลย ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนอื่น 

กลุ่มคนดูแลกันเอง จึงขอออกคำสั่งให้คุณออกมาฟัง หยุดพูด ออกมาฟัง และรับคำสั่งดังนี้ 

1. เงินเยียวยาเข้าถึงได้ทันที

2. ข้าวเยียวยากินได้ทันทีครบมื้อ 

3. ยา อุปกรณ์การรักษา แพทย์เข้าถึงได้ทันที ทำยังไงก็ได้ให้แรงงานที่เป็น หายป่วย 

4. ข้อมูลเรียบเรียงให้เป็นระบบมากที่สุด และเปิดออกมาให้ประชาชนได้ช่วยกันเยียวยา ไม่มีข้อมูลก็ไม่มีใครช่วยได้ 

5. ทุกอย่างต้องทำอะไรก็ได้ เพื่อเยียวยาประชาชนให้ได้มากที่สุด เข้าถึงได้ทันที เอกสารไว้ทำทีหลัง 

6. หยุดบอก หยุดพูดให้พวกเราดูแลตัวเอง ให้พวกเราพยายามให้มากกว่านี้ พวกเราทำมามากพอแล้ว นี่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเราเลย 

ถ้านายสุชาติ ชมกลิ่น ไม่ออกมารับคำสั่ง ออกมาเจรจา หรือแถลงการณ์แก้ไขใดๆ หรือจะด่าซ้ำกลับมา กลุ่มคนดูแลกันเอง จะขอยกระดับการสื่อสารทั้งต่อคุณ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ 

ขอแสดงความนับถือผู้ใช้แรงงานทุกคน 

จากกลุ่มคนดูแลกันเอง ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net