Skip to main content
sharethis

'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบ 'ส.ส.โรม' ปมเปิดเอกสาร สนง.นรป.904 ชี้ เป็นเอกสารที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ส.ส.เผยแพร่ส่อขัดมาตรฐานจริยธรรม กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันกษัตริย์ ขณะที่ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ชี้มูล ‘พรรณิการ์ วานิช’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมโพสต์ภาพ-ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสมัยเป็นนิสิต แม้เป็น ส.ส.แต่ไม่ลบ เตรียมส่งฟ้องศาลฎีกาต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ 'ศรีสุวรรณ' เคยร้องไว้เมื่อ มิ.ย.62

 

28 ก.พ.2565 สื่อหลายสำนัก เช่น ผู้จัดการออนไลน์ โพสต์ทูเดย์ เป็นนี้ รายงานตรงกันว่า ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวน รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีนำเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสาร สนง.นรป.904 มาเผยแพร่ในการอภิปรายในสภา และเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ อันอาจมีเจตนาที่จะสร้างผลกระทบกระเทือนไปถึงสถาบันกษัตริย์ โดยมิบังควรหรือไม่

ศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ได้มีการพูดถึงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับรังสิมันต์ ได้กล่าวอภิปรายเชื่อมโยงประเด็นการค้ามนุษย์ ชาวโรฮิงญา กรณีมีการค้นพบค่ายกักกัน และหลุมศพกลางป่าบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2565 ซึ่งได้มีการพาดพิงถึงนายทหาร นายตำรวจ นักธุรกิจ รวมถึงนักการเมือง ว่า มีส่วนร่วมในขบวนการค้ามนุษย์ อีกทั้งยังได้มีการเปิดเอกสาร สมัครเข้าหน่วย สนง.นรป.904 หรือสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ ซึ่งอ้างว่าเป็นของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ดังกล่าว ต่อมา พล.ต.ต.ปวีณ ได้อ้างว่า ถูกกลั่นแกล้งจนต้องขอลี้ภัยไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งใบสมัครเข้าหน่วย สนง.นรป.904 ที่ นายรังสิมันต์ ได้นำมาเป็นหลักฐานในการอภิปรายนั้น ถูกตั้งข้อสงสัยเป็นอย่างมาก ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของปลอม แม้ว่ายังไม่ได้มีการพิสูจน์แน่ชัด เอกสารดังกล่าวมีนักวิชาการหลายคนออกมาตั้งข้อสงสัยและข้อพิรุธมากมายว่าเป็นเอกสารปลอม แม้นายรังสิมันต์ จะออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแก้ต่างแล้ว แต่ดูเหมือนจะฟังไม่ขึ้น

ศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การที่นำเอกสารดังกล่าวมาโพสต์พร้อมคำอธิบายที่อาจส่งผลกระทบต่อสถาบันฯด้วยนั้น เป็นกรณีที่ส.ส. จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่มิบังควรเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งอาจเข้าข่ายความผิดหรือฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6 ข้อ 14 ข้อ 15 ข้อ 16 ข้อ 17 ข้อ 25 หรืออาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลกระโยชน์ อันถือเป็นความผิดตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.185(1) บัญญัติไว้ได้ ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ม.234(1) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ม.28(1) เพื่อไต่สวนนายรังสิมันต์ ที่ได้นำเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสาร สนง.นรป.904 มาเผยแพร่ อันอาจมีเจตนาที่จะสร้างผลกระทบกระเทือนไปถึงสถาบันฯ และเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 ม.185(1) หรือไม่ อย่างไร หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติฯ ขอให้เสนอเรื่องต่ออัยการและศาลตามครรลองของกฎหมายต่อไปจนถึงที่สุด

“การที่นายรังสิมันต์นำข้อมูลเรื่องการค้ามนุษย์มาอภิปรายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ ส.ส.พึงจะกระทำ เพราะเรื่องเป็นการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่บางเรื่อง บางเอกสารที่จริงหรือเท็จหรือไม่ หรือเอกสารปลอม นำมาเปิดเผย ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยข้อพิรุธ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่ามีการกระทียบเปรียบเปรยไปถึงสถาบันฯหรือไม่” ศรีสุวรรณ กล่าว

ป.ป.ช. ชี้มูล'ช่อ พรรณิการ์' ผิดจริยธรรม เคยโพสต์ข้อความ-ภาพมิควรต่อสถาบัน

นอกจากนี้ประเด็นที่ ศรีสุวรรณ เคยยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.เมื่อ มิ.ย.62 ให้ตรวจสอบ พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กรณีโพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร อันเป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และ พรรณิการ์ เป็น ส.ส. ได้รับโปรดเกล้าฯ และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก็ได้ระบุว่า จะปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการนั้น ล่าสุดวันนี้ (28 ก.พ.) สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูล พรรณิการ์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ที่บังคับใช้กับ ส.ส. กรณีโพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควร

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัย พรรณิการ์ เป็นนิสิต ซึ่งเป็นภาพและข้อความที่ปรากฎอยู่ในเฟซบุ๊กที่มีการเผยแพร่มาตลอด กระทั่งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.ก็ไม่มีการลบข้อความและภาพดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะเป็นผู้ดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net