Skip to main content
sharethis

นายกสมาคมทนายความฯ ระบุ เดี่ยว 13 ของ โน้ส-อุดม แต้พานิช ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ ไม่ผิดกฎหมาย เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 34 “การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว หาใช่การแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือการกล่าวหา ใส่ร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ”

 

 

14.ต.ค.2565 หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 ของ โน้ส-อุดม แต้พานิช ที่มีการพูดถึงการทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “ศรีสุวรรณ จรรยา” ระบุว่า “โน้ต เดี่ยว 13 ให้ท้ายม็อบ ก้าวล่าวงหรืออย่างไร พูดเอามัน เอาฮา ไร้เหตุผล และให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน…เดี๋ยวเจอกัน”

 

ขณะที่นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเกี่ยวกับกรณีการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 ของโน้ส อุดม ในแง่กฎหมายผ่านเฟซบุ๊ก "สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย" ว่า ตามที่เกิดประเด็นเกี่ยวกับการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 ของโน้ส อุดม แต้พานิช บางส่วน ที่เป็นการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้มเหลว ซึ่งก็มีประชาชนแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อันนำไปสู่ประเด็นที่มีบุคคลอ้างว่า การกระทำของโน้ส อุดม แต้พานิช ไร้เหตุผล ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน และผิดกฎหมาย

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอแสดงความคิดเห็นว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อสารความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย

ฉะนั้น การแสดงของโน้ส อุดม แต้พาณิช ดังกล่าว เป็นเพียงแค่การแสดงความคิดเห็น การถ่ายทอดความรู้สึก และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว หาใช่การแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือการกล่าวหา ใส่ร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

อีกทั้ง รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนได้ ประกอบกับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ยังสอดคล้องกับความรู้สึกของประชาชนที่เห็นด้วยส่วนใหญ่ ที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตย ตลอดจนเป็นผู้เสียภาษีให้กับรัฐ ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา จึงย่อมมีสิทธิตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า รัฐบาลควรปล่อยให้ประชาชนได้มีการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบใด และสำคัญที่สุด รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง อันจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ความขัดแย้ง และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงแบบไม่จบสิ้น

กรณีดังกล่าว น่าจะเป็นประโยชน์และอุทาหรณ์ ให้เห็นว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่สวยงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม ซึ่งประชาชนเหล่านั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้กฎหมายเดียวกัน มิได้สร้างความขัดแย้งหรือก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคมไทย เพราะเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตนั้นเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน

 

 

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์

นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย

14 ตุลาคม 2565

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net