Skip to main content
sharethis

ธนาธร ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Oslo Freedom Forum in Taiwan ชี้ ความไม่เป็นประชาธิปไตยของไทยส่งผลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในระดับโลก ระบุ ถ้าไม่มีรัฐประหาร 2557 โดย พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะไม่มีการส่งกลับอุยกูร์ไปยังจีน และการรัฐประหารในพม่า พร้อมทิ้งท้าย การเลือกตั้งปีหน้าคือความหวังนำพาประเทศกลับสู่หนทางประชาธิปไตย

 

3 พ.ย. 2565 ทีมสื่อคณะก้าวหน้า รายงานต่อสื่อมวลชนว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้รับเชิญขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Oslo Freedom Forum in Taiwan : Champion of Change ซึ่งเป็นมหกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ที่จัดขึ้นโดย The Human Rights Foundation เป็นประจำทุกปี โดยมีการเชิญผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนจากแวดวงต่างๆ ทั่วโลกมาเข้าร่วม

ธนาธร ระบุว่านับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คำถามสำคัญที่เป็นใจกลางของการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทยมาเสมอ คืออำนาจสูงสุดเป็นของใครกันแน่ ระหว่างสถาบันกองทัพ และประชาชน และเมื่อชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมปฏิเสธที่จะมอบอำนาจนี้ให้แก่ประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการมีรัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ นายกรัฐมนตรี 29 คน และการรัฐประหาร 13 ครั้งในรอบ 90 ปี รวมทั้งการปราบปรามประชาชนทั้งใน พ.ศ. 2516, พ.ศ. 2519, พ.ศ. 2535 และ พ.ศ. 2553 เพียงในรอบ 90 ปีที่ผ่านา

การมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหาร 2557 และยังคงสืบทอดอำนาจมาได้ถึง 8 ปีวันนี้ คือผลจากความล้มเหลวในการปกป้องประชาธิปไตย แต่ผลของความล้มเหลวนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในระดับโลกด้วย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

การขึ้นมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุล เอียงข้างไปทางจีนมากขึ้นทั้งในทางการทูต เศรษฐกิจ และการทหาร นำมาสู่การที่ในปี 2018 ประเทศไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์กว่า 100 คนกลับไปเผชิญชะตากรรม แทนที่จะได้รับการส่งตัวไปประเทศที่สามตามคำเรียกร้องและคำเตือนของนานาชาติ รวมทั้งกรณีการรัฐประหารในเมียนมา ที่นำมาสู่การปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงในพ.ศ. 2564 ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะปฏิเสธไม่รับผู้ลี้ภัยแล้ว ยังออกหน้าสนับสนุน มิน อ่อง หล่าย ผู้ก่อรัฐประหารพม่า ให้สัมภาษณ์สื่ออย่างเปิดเผยว่าถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศไทย เขาก็จะไม่ทำรัฐประหารแน่

ธนาธร ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศไทยทุกวันนี้ว่า นับตั้งแต่การยุบพรรคอนาคตใหม่ในปี 2563 คนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ได้ออกมาประท้วงทั่วประเทศเพื่อทวงอนาคตที่ถูกขโมยไปของพวกเขา พร้อมข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันสำคัญของประเทศไทย รวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้อำนาจดำเนินคดีประชาชนกว่า 2,017 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว โดยมีถึง 183 คน รวมทั้งตัวเองด้วย ที่ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหา 112

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหาร 2557, การส่งกลับชาวอุยกูร์, การรัฐประหารและวิกฤติผู้ลี้ภัยพม่า รวมถึงการจับกุมคุมขังเยาวชนผู้ที่ต้องการเพียงอนาคตที่ดีกว่านี้สำหรับประเทศ จะไม่เกิดขึ้นหากเราประสบความสำเร็จในการปกป้องประชาธิปไตยในประเทศไทย

“เมื่อเราสูญเสียประชาธิปไตยไป มันใช้เวลานานในการกอบกู้ แต่ปีหน้าเราจะมีเลือกตั้ง นี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการจบระบอบประยุทธ์ ทำให้คนรุ่นใหม่ๆ เชื่ออีกครั้งว่าประเทศนี้เป็นของเราทุกคน” ธนาธรกล่าวทิ้งท้าย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net