นักวิชาการประสานเสียงค้าน กสทช. อนุมัติเงินซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก - ศิริกัญญาชี้ผิดกฎหมาย

อาจารย์นิเทศ จุฬาฯและวารสาร มธ. ยืนยันใช้เงินกองทุน กสทช.ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกผิดวัตถุประสงค์กองทุน “ไหม ศิริกัญญา” ชี้ใช้ซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดบอลโลกผิดกฎหมาย ล่าสุด ‘ประวิตร’ ปัดตอบเรื่องนี้หลังสัปดาห์ก่อนสั่งใช้เงินกองทุน กสทช.ซื้อเอง

8 พ.ย.2565 The Reporters รายงานว่าวันนี้กลุ่มอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกันลงนามคัดค้านการนำเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ไปใช้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 เป็นจำนวนเงิน 1,600 ล้านบาท หลังจากเมื่อสัปดาที่แล้วพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นหน้าที่ตนที่จะต้องทำให้คนไทยได้ดูทุกคนและให้ใช้งบประมาณจาก กสทช.

ในรายงานระบุอีกว่า ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีนิเทศ จุฬาฯ ระบุเหตุผลว่าการใช้เงินจาก กทปส.ไปสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์และมีโอกาสกระทบต่อสภาพคล่องของกองทุนทำให้การวิจัยและการพัฒนาทรัพยากรสื่อสารของประเทศต้องหยุดชะงักไปทำให้ขาดโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจสังคมโดยรวมด้วย เขาจึงเสนอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พิจารณาแนวทางหาเงินสนับสนุนจากช่องทางอื่น และการประชุมพิจารณาของ กสทช.ที่จะมีขึ้นต้องพิจารณาอย่างโปร่งใสคำนึงถึงการคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะของประชาชนเป็นสำคัญ

นอกจากนั้นรายงานระบุอีกว่า คณบดีนิเทศ จุฬาฯยังเสนอให้มีการเจรจากับองค์กรที่เกี่ยวข้องและอาจรวมถึงพิจารณากฎ “Must Have” และ “Must Carry” ของกสทช. ซึ่งเป็นข้อกำหนดให้ช่องฟรีทีวีและแพลตฟอร์มบริการโทรทัศน์ทุกรายต้องออกอากาศฟรี 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก

มรรยาท อัครจันทโชติ หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารมวลชนจากนิเทศ จุฬาฯ ขอให้ กสทช.ดำเนินงานตามพันธกิจในฐานะผู้กำกับดูและกิจการโทรคมนาคมและวิทยุโทรทัศน์ การนำเงินของ กทปส.มาใช้ในกรณีนี้เป็นเรื่องผิดวัตถุประสงค์แน่นอนเพราะ กทปส.ถูกออกแบบไว้ใช้เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการของกลุ่มผู้เปราะบางในสังคม เช่น กลุ่มผู้พิการ เด็ก คนชายขอบ หาก กสทช.จะอนุมัติก้ต้องชี้แจงว่าเหลือเท่าไหร่และกระทบกับโครงการใดบ้าง และยังชวนสื่อมวลชนจับตาว่าการนำเงิน กทปส.มาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 15.23 น. กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นนี้แต่ถูกปฏิเสธการตอบคำถาม

ศิริกัญญาชี้เอาเงิน กทปส.มาใช้ซื้อลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

ทีมสื่อพรรคก้าวไกลเผยแพร่ความเห็นของ ศิริกัญญา ตันสกุล ต่อประเด็นนี้ด้วยว่า จำเป็นต้องคัดค้านเรื่องการนำเงิน กทปส.ไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะตามกฎหมายไม่ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อใช้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกได้

“ดังนั้นเราขอร้องให้ กสทช.ว่าให้ทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย พอครั้งนี้กลับอยากที่จะทำผิดกฎหมาย แต่กรณีของทรูและดีแทคกลับบอกว่าตัวเองไม่มีอำนาจแล้วก็ไม่ยอมใช้อำนาจของตัวเองตามกฎหมายแบบนี้มันลักลั่นแล้วก็ย้อนแย้ง” ศิริกัญญายังได้ขอให้ กสทช.ทำงานในฐานะองค์กรอิสระอย่างตรงไปตรงมาไม่ใช่ทำงานโดยบิดเบือนกฎหมายให้เป็นไปตามใบสั่งหรือคำสั่งของใครเพราะกรณีทรูดีแทคก็ทำให้เห็นถึงการตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน และกรณีซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกนี้ก็ชัดเจนที่มีใบสั่งอีกหลังพล.อ.ประวิตรได้กล่าวว่าให้เป็นภาระของเงินจาก กทปส.ของ กสทช.

ศิริกัญญากล่าวอีกว่าปัญหาที่ทำให้ไทยต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์มากถึง 1,600 ล้านก็เพราะกฎ “Must Have” และ “Must Carry” ของ กสทช.เองที่ทำไทยต้องซื้อลิขสิทธิ์ทุกช่องทางทั้งทีวี อินเตอร์เนต ทำให้เราจ่ายแพงกว่าประเทศอื่นเช่น มาเลเซียและเวียดนามที่ซื้อกันโดยไม่ต้องใช้เงินมากถึงพันล้านบาท และกฎ “Must Have” ยังทำให้ไม่มีเอกชนรายใดยอมจ่ายเพราะเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องให้ลิขสิทธ์กับฟรีทีวีถ่ายทอดสดทุกช่องทาง

กสทช.ย้ำถ้า กกท.แจงไม่ได้ก็ไม่อนุมัติ

ข่าวสดออนไลน์รายงานประเด็นเดียวกันนี้ด้วยว่าหลังจากเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) ว่าทาง กกท.ส่งเอกสารขอรับการสนับสนุนและชี้แจงงบประมาณกรอบวงเงิน 1,600 ล้านบาทไปยัง กสทช.แล้วทาง กสทช.จะประชุมว่าจะอนุมัติงบหรือไม่ในวันพรุ่งนี้(9 พ.ย.)

นอกจากนั้นข่าวสดยังได้สัมภาษณ์ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ระบุว่าเอกสารของ กกท.ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด และทาง กกท.ก็ชี้แจงว่าฟีฟ่าไม่ได้แจงรายละเอียดมาเช่นกัน ทำให้ทาง กสทช.ทำงานลำบาก แต่จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในวันที่ 9 พ.ย.แน่นอน

เลขาฯ กสทช.ระบุว่าจำนวนเงิน36 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มันจะมีค่าภาษี, ค่าแปลงเงินต่างประเทศ รวมแล้วก็ตกประมาณ 42 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,591,800,000 บาท (ตัวเลขอัตราค่าเงิน ณ วันที่ 7 พ.ย.) ด้วยกัน เพียงแต่ตรงนี้ทาง กกท.ไม่ยอมชี้แจงมาว่ามันมีอะไรบ้าง เงินที่จ่ายไปถ่ายทอดสดได้ทางช่องทางไหนบ้าง เป็นค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่ ค่าดำเนินการอีกเท่าไหร่ เป็นต้น และหาก กสทช.อนุมัติ เงินส่วนนี้ก็เป็นรายได้จากผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.แบ่งมาเขากองทุนทุกปีอยู่แล้ว ไม่ใช่เงินภาษีประชาชน

สำหรับประเด็นกฎ Must Have และ Must Carry ไตรรัตน์ระบุว่าหลังจบฟุตบอลโลกครั้งนี้คงจะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพราะตอนออกกฎนี้มายังไม่ได้มีช่องทางเผยแพร่เยอะเท่าทุกวันนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท