Skip to main content
sharethis

'ธนาธร' ชูน้ำประปาร้อยเอ็ดในสภา ถามคนไทยกล้าฝันถึงประเทศที่ดีกว่านี้หรือไม่ ชี้เปลี่ยนประเทศได้ภายใน 10-15 ปี ด้วยการ 'ปลดล็อกท้องถิ่น'

30 พ.ย.2565 ทีมสื่อคณะก้าวหน้า รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (30 พ.ย.) ที่รัฐสภา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อภิปรายนำเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองท้องถิ่น หรือร่างปลดล็อกท้องถิ่น โดยเริ่มต้นจากการชูขวดน้ำประปาจาก อบต.พนมไพร อ.ค้อใหญ่ ร้อยเอ็ด พร้อมกล่าวว่า น้ำประปาในตำบลส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีสภาพเช่นนี้ มีปัญหาขุ่นข้น กำหนดเวลาเปิดปิด ประชาชนต้องดิ้นรนหาน้ำสะอาดเอง การจะลงทุนเพื่อปรับปรุงน้ำประปาทั้งระบบในตำบลให้ใสสะอาด สามารถทำได้ด้วยการใช้เงินประมาณ 10 ล้านบาทต่อตำบล ซึ่ง อบต. ในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเงินลงทุนต่อปีแค่ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นจากความไม่มีอิสระและไม่มีงบประมาณของท้องถิ่น หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ท้องถิ่นต้องใช้คือการวิ่งเต้นของบประมาณจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งหลายเรื่องผ่านไปหลายสิบปี โครงการก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติ

ธนาธรกล่าวต่อว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิด และถ้าเราถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปจนแก่จนตายและส่งต่อไปถึงลูกหลานของเรา เราต้องการสังคมแบบนี้ต่อไปหรือ สังคมที่คนหนุ่มสาวต้องเดินทางไปแสวงหาโอกาสในเมืองใหญ่เพราะไม่มีงานอยู่ที่บ้าน โครงการพัฒนาจากส่วนกลางที่ไม่ตอบโจทย์คนพื้นที่เต็มไปหมด เต็มไปด้วยปัญหาถนนที่ส่งผลถึงความเป็นความตายในการเดินทางไปโรงพยาบาลไปโรงเรียน น้ำประปาที่ซักผ้าล้างหน้า แปรงฟันยังไม่ได้ ระบบชลประทานที่คลุมแค่ 23% ของพื้นที่เพาะปลูก

“ไม่มีนโยบายใดแก้ปัญหาทุกเรื่องได้ทันที แต่ถ้าจะมีชุดนโยบายสักชุดที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยกระดับบริการสาธารณะให้ประชาชนดีกว่านี้ได้พร้อมกัน นั่นคือการกระจายอำนาจ ลดการรวมศูนย์ของส่วนกลาง” ธนาธรกล่าว

ประธานคณะก้าวหน้าระบุว่า ร่างฯ ปลดล็อกท้องถิ่นคือเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย โดยมีหลักใหญ่ใจความ 3 เรื่อง เรื่องที่ 1 คืออำนาจและอิสระในการบริหาร ยึดหลักอำนาจเป็นของประชาชน ประชาชนเลือกตัวแทนของตัวเอง ร่างฯ นี่คือการทำให้หลักการนี้ชัดเจนโดยไม่ต้องตีความอีก ว่าอำนาจในการให้บริการสาธารณะเป็นของใคร นี่คือการทำให้ท้องถิ่นมีอิสระและอำนาจเต็มที่ในการออกแบบพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง เพราะไม่มีใครรู้ปัญหามากกว่าคนในพื้นที่ รักบ้านของตัวเองมากกว่าคนในพื้นที่ อยากเห็นบ้านของตัวเองพัฒนามากกว่าคนในพื้นที่ และคนที่มาจากการเลือกตั้ง ย่อมมีแรงจูงใจในการตอบสนองประชาชนมากกว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลางแน่นอน

ธนาธรกล่าวว่า เรื่องที่ 2 คือการจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรมเหมาะสม ร่างฯ นี้เสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นธรรมและเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับอย่างมีประสิทธิภาพ จากที่ได้รับส่วนแบ่งงบประมาณร้อยละ 30 ในปัจจุบัน ให้เป็นร้อยละ 50 ในอนาคต การจัดสรรงบประมาณใหม่เช่นนี้ ทำให้ท้องถิ่นไม่ต้องวิ่งเต้นหางบประมาณอีกต่อไป งบประมาณมาอยู่ใกล้ประชาชนมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประชาชนเข้าถึงงบประมาณได้ผ่านตัวกลางเดียวคือบัตรเลือกตั้ง เลือกคนที่จะมาใช้งบพัฒนาพื้นที่ด้วยตัวเอง สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ ออกแบบการจัดบริการสาธารณะแบบที่ประชาชนต้องการได้ด้วยตัวเอง

“ลองจินตนาการดูว่าประเทศไทยมี 7,255 ตำบล ถ้าทุกตำบลมีโรงเรียนที่มีคุณภาพ หลักสูตรสอดคล้องกับงานในพื้นที่ สอนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ไปพร้อมๆ กันได้ มีสวนสาธารณะให้ผู้คนมาใช้ชีวิต มีพื้นที่สีเขียวที่เป็นปอดให้ชุมชน มีศูนย์เด็กเล็กที่มีคุณภาพ มีน้ำประปาที่ไม่ใช่แค่ใสสะอาด แต่ยังดื่มได้ด้วย มีการคมนาคมสาธารณะที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้ มีห้องสมุดที่มีคุณภาพ มีการจัดเก็บขยะที่มีการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ได้มาตรฐานกรมควบคุมมลพิษ ถ้าทุกตำบลมีบริการสาธารณะแบบนี้ ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน? นี่คือประเทศไทยที่เราทุกคนจินตนาการถึงได้ คำถามคือเราอยากสร้างอนาคตแบบนี้ร่วมกันหรือไม่ เรากล้าฝัน ทะเยอทะยานที่จะสร้างสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ การจัดสรรงบประมาณและอำนาจให้เป็นทำ จะทำให้เราทำสิ่งเหล่านี้ได้ภายใน 10-15 ปี” ธนาธรกล่าว

ธนาธรกล่าวสรุปว่า หากจะมีอะไรที่สะท้อนการรวมศูนย์ของไทยได้ดีที่สุด ก็คือรัฐสภาแห่งนี้ ทุกวันก่อนเริ่มประชุม ส.ส. จะต้องใช้เวลาคนละ 2 นาที ปรึกษาหารือ ซึ่งตัวเลขจากสำนักประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า ร้อยละ 65 ของเรื่องปรึกษาหารือ เป็นเรื่องถนน ไฟฟ้า ประปา ซึ่งเป็นหน้าที่ของท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นกลับขาดงบและอำนาจในการแก้ปัญหา จนประชาชนต้องพึ่งพา ส.ส. ให้นำเรื่องมาสู่สภา กว่าเรื่องจะถูกแก้ ก็ผ่านไป 2-3 ปี ไม่ทันกับความต้องการของประชาชน เพราะฉะนั้น ตนขอเรียกร้องสมาชิกรัฐสภา ให้ช่วยกันผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อจบปัญหาในรุ่นจองเรา ให้ท้องถิ่นได้ทำหน้าที่รับใข้ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผมขอให้ทุกท่านเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โหวตผ่านร่างฯ ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นได้ทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตพื้นฐานของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และให้ผู้แทนราษฎรได้ทำหน้าที่ในสภา ออกกฎหมาย ต่างฝ่ายต่างจะได้ทำหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” ธนาธรกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net