Skip to main content
sharethis
  • 'อดีต กกต. สมชัย' ชี้ 'ประยุทธ์' มาบอกเป็นแคนดิเดตนายกฯของรวมไทยสร้างชาติ เข้าข่ายคนนอกครอบงำพรรค
  • 'ประยุทธ์' เผยตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ครบเทอมหรือยุบสภา ดูตามจังหวะเวลา

23 ธ.ค.2565 หลังจากมีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ มาหลายเดือน ล่าสุดวันนี้ (23 ธ.ค.) สำนักข่าวไทยและสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศชัดร่วมงานรวมไทยสร้างชาติ พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ 

ต่อกรณีถามถึงความชัดเจนว่า ส่วนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คงต้องสมัคร ​ส่วนเรื่องเวลาต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนจะเป็นแคนดิเดตนายกคนเดียวของพรรคเลยหรือไม่นั้น​ เท่าที่ทราบมีเพียงคนเดียว​

'อดีต กกต. สมชัย' ชี้ 'ประยุทธ์' มาบอกเป็นแคนดิเดตนายกฯของรวมไทยสร้างชาติ เข้าข่ายคนนอกครอบงำพรรค

ที่มา เฟซบุ๊ก ของสมชัย ศรีสุทธิยากร 

อย่างไรก็ตามประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมาทันที สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า การประกาศว่า ตัวเองพร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่เพียงคนเดียวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งๆ ที่ ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค และ คณะกรรมการบริหารยังไม่มีมติ และยังไม่มาเชิญอย่างเป็นทางการ

"ท่านคือ คนนอกพรรค จะมากำหนดมติพรรคล่วงหน้าไม่ได้นะครับ เข้าข่ายคนนอกครอบงำพรรค มีโทษทางอาญา (มาตรา 29 และมาตรา 108 พ.ร.ป. พรรคการเมือง) ส่วนกรรมการบริหารพรรคถ้ายอมให้ครอบงำ ก็โทษถึงยุบพรรค (มาตรา 28 และ มาตรา 92(3) พ.ร.ป.พรรคการเมือง) จะเข้าการเมือง ก็ศึกษา กฎหมายให้ดีด้วย หรือ ถ้ามีทีมงานกฎหมาย เปลี่ยนใหม่เถอะ อ่อน ขายหน้า" อดีต กกต. ระบุ

ภาพปฏิทินสายัณห์กับพล.อ.ประยุทธ์

นอกจากประเด็นคนนอกครอบงำพรรคดังกล่าว ก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความชัดเจนมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ปรากฏภาพปฏิทิน สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ คู่พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง สมชัย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการแจกปฏิทินเพื่อประโยชน์ในการหาเสียง เป็นเรื่องผิดกฎหมายเลือกตั้ง นั้น จนต่อมา สายัณห์ ออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้ทำปฏิทินคู่นายกรัฐมนตรีแจกประชาชน 

ส่วนที่มีการแชร์ภาพในโซเชียลและกล่าวหาว่าทำไวนิลนั้น สายัณห์ กล่าวว่า เป็นการออกแบบกราฟฟิกและจัดทำขึ้นเพื่อส่งให้เพื่อนในกลุ่มไลน์ดูเท่านั้น ไม่ได้มีการสั่งทำหรือใบเสร็จชำระเงินแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นร้องเรียนต่อกกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบ กรณีดังกล่าวว่าอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง2560 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 หรือไม่ แล้ว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากันไปตามกฎหมาย ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวแก้ไขได้ ก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่รู้เรื่อง มันก็จะมาโทษเราไม่ได้หรอก”

ประยุทธ์ เผยตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ครบเทอมหรือยุบสภา ดูตามจังหวะเวลา

“วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอมาแล้วว่าจะสนับสนุนผมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์หลายอย่าง ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ตอนนี้พรรคพลังประชารัฐได้เสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจ ซึ่งจริงๆ ก็ได้ตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็แล้วแต่ประชาชนจะให้การสนับสนุน การที่ผมตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยากสานต่องานที่ยังไม่สำเร็จหลายอย่างที่เคยทำมาหลายปี หากว่าผมอยู่ได้ในระยะเวลาที่กำหนด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนกราบเรียนพล.อ.ประวิตรไปแล้วว่าอาจจะมีความจำเป็น กราบเรียนท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายก็ได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว​ ไม่ได้มีปัญหาอะไร​ ไม่มีความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น ​การเมืองก็ว่ากันไปตามการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ได้จากกันไปไหน​ ยังพูดคุยกันเหมือนเดิม​

"อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกัน​มันลึกซึ้งกว่า​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมจบมาในการดูแลของท่าน ท่านเป็นพี่ชายของผม หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนนายร้อย รับราชการตั้งแต่ร้อยตรี​ จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต รับราชการจนถึงวันนี้​ ความผูกพันธ์นี้​ ไม่มีใครลบล้างได้​ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน​ ท่านไม่ได้ว่าอะไรผม ผมก็บอกท่านจะได้สบายใจเพราะมีแรงกดดันหลายประการ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับคำถามที่ว่า ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ดูจังหวะเวลา แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฏหมาย การย้ายพรรคจะต้องไม่มีปัญหา ซึ่งจะต้องหารือกับฝ่ายการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย งานหลักของตนคือการดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ ที่ผ่านมาย้ำมาตลอดว่าการมายืนอยู่ตรงนี้ มาจากสาเหตุอะไร

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net