Skip to main content
sharethis

'ก้าวไกล' โต้ รมว.พลังงาน ชี้ค่าไฟฟ้าแพง เหตุ รบ.แก้ปัญหาไม่ตรงจุด - ปธ.กมธ.พลังงาน อัด 'ประยุทธ์' หวังต่อท่ออำนาจ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะ ปธ.กมธ.พลังงาน อัด 'ประยุทธ์' หวังต่อท่ออำนาจไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชน ทำกฝผ.ติดลบกว่า 160,000 ล้านบาทแนะรัฐบาลควรใช้งบกลางอุ้มเพื่อลดภาระประชาชน

28 ธ.ค.2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวแสดงความเห็นต่อกรณีที่สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำทีมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงานชี้แจงเรื่องค่าไฟฟ้าว่าเป็นการอธิบายที่ คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง จึงต้องขออธิบายต่อสาธารณะให้ช่วยติดตามเรื่องนี้กันต่อ

สำหรับถึงกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่าประเทศไทยไม่ได้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเกินความจำเป็น “คำนวนยังไงก็ไม่ถึง 60%” วรภพ กล่าวว่า ข้อมูลจาก กระทรวงพลังงานเอง ยืนยันว่า เดือน ก.ย. 65 กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าตามสัญญาของ การไฟฟ้าฯ คือ 53,050 MW ในขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้คือ 33,177 MW หรือ ประเทศไทยมีกำลังการผลิตเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดถึง 19,873 MW หรือ 60% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย

“ทุกๆหน่วยไฟฟ้าที่ “ประชาชน” จ่าย หมายถึง 1 สลึงที่เราจ่ายให้กับ “โรงไฟฟ้าเอกชน” จากการที่รัฐบาลอนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น”ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าว พร้อมระบุว่า การสร้างโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ เกิดทุกที่ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 และช่วงเวลานี้ที่พยายามจะรีบเร่งให้มีการอนุมัติสร้าง 5 โรงไฟฟ้าเขื่อนที่ลาว ขนาดรวมถึง 3,876 MW โดยไม่รอให้มีการทบทวนแผนพลังงาน PDP

ส่วนที่สุพัฒนพงษ์กล่าวว่าการขอลดค่า FT (ค่าความพร้อมจ่าย) ให้เอกชนไปเจรจากันเองนั้น วรภพ กล่าวว่า เรื่องความผิดหวังแล้วตั้งคำถามว่าถ้าตอบแบบนี้เราจะเสียภาษีให้มีรัฐบาล มีรัฐมนตรีหรือนายกฯ ไว้ทำไม? ถ้ารัฐบาลไม่เป็นคนนั่งหัวโต๊ะเรียกทุกฝ่ายมาเจรจา แต่กลับโยนความรับผิดชอบให้ กฟผ. หรือ เอกชนผู้ใช้ไฟฟ้าไปเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้ากันเองแบบนี้

“ผมยืนยันอีกครั้งว่า เรื่องราวทั้งหมด นายก พล.อ.ประยุทธ์ ทราบดีทั้งหมด เพราะเป็นทั้งผู้อนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม และ เคยเรียกเจ้าสัวโรงไฟฟ้ามาปรับทัศนคติในสมัยรัฐบาล คสช.มาแล้ว และ เป็นคนแต่งตั้งผู้บริหาร ปตท. มาเป็น รมว.พลังงานคนปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าไม่รีบเปลี่ยนรัฐบาล ประชาชนทั้งครัวเรือนและธุรกิจ คงต้องก้มหน้าทำงาน หาเงิน จ่ายค่าไฟ เลี้ยงดูกลุ่มทุนพลังงาน ต่อไปเรื่อยๆแน่นอน” วรภพกล่าว

ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะ ปธ.กมธ.พลังงาน อัด 'ประยุทธ์' หวังต่อท่ออำนาจไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชน

ขณะที่วานนี้ (27 ธ.ค.) ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานมุมมองของ กิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน ในสภาผู้แทนราษฎร ต่อกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ กกพ. มีมติรับทราบภาระต้นทุนค่าเอฟทีประจำรอบประจำเดือน มกราคม – เมษายน 2566  ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.03 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้รัฐบาล หวังลดภาระต้นทุนคงค้างที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. แบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกนโยบายที่ขัดกับความเป็นจริงนั้น

ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน ในสภาฯ ระบุว่า การออกนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลส่งผลให้กระแสเงินเงินสดของ กฝผ.ติดลบ จนถึงปัจจุบันที่ 160,000 ล้านบาท การแบกรับต้นทุนของกฝผ. ส่งผลกระทบการบริหารต้นทุนการของกฝผ.กระทบไปด้วย ทั้งนี้เพราะ พลเอกประยุทธ์คิดแต่จะหาเสียงผ่านนโยบายรัฐเพียงอย่างเดียว ส่งผลหน่วยงานของรัฐต้องรับผลกระทบตามไปด้วย

กิตติกร กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการพลังงาน อยากให้รัฐบาล แก้ปัญหาโดยต้องหางบประมาณมาสนับสนุนและลดหนี้ของการไฟฟ้า จะใช้วิธีการกู้เงินโดยรัฐบาลค้ำประกับหรือใช้งบประมาณกลาง ของนายกรัฐมนตรี มาลดภาระหนี้ของกฝผ.ลงอาจจะใช้ประมาณ 85,000 ล้าน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะไม่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งพลเอกประยุทธ์สามารถทำได้เลย แต่ทำไมเลือกไม่ทำ 

“การไม่ดำเนินการอะไรของรัฐบาลไม่วาจะเป็นการเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเพื่อขอลดค่าไฟฟ้าพร้อมจ่าย หรือ ใช้งบกลางมาสนับสนุนให้กับกฝผ.ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หากไม่ทำอะไรเลยจะเป็นการซ้ำเติมทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ เพราะการที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนมองว่า หากขึ้นค่าไฟฟ้าจะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น และกระทบกับความสามารถทางการแข่งขันรวมทั้งจำต้อง ปรับราคาสินค้า ซึ่งกระทบกับประชาชน ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ในฐานะผู้นำประเทศไม่ควรห่วง แต่การสืบทอดอำนาจการเมือง ท่านต้องห่วงประชาชนด้วย” กิตติกร กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net