Skip to main content
sharethis

“ชายหาดไทยกำลังหายไป เพราะรัฐสร้างกำแพงกันคลื่น” วงเสวนาที่เป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวทวงคืนชายหาดไทยของกลุ่ม Beach for life และเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด 94 องค์กร จัดเมื่อ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ผู้จัดระบุว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่รัฐเปิดช่องให้โครงการกำแพงกันคลื่นไม่ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และให้อำนาจกรมโยธาธิการและผังเมือง มีอำนาจในการป้องกันชายฝั่ง กรมโยธาธิการได้อาศัยประโยชน์ช่องวางทางกฎหมายดังกล่าว ดำเนินการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น 109 โครงการ จาก 125 โครงการ และใช้งบประมาณ 6,694 ล้านบาท ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชายหาดและทำให้ชายหาดถูกทำลาย เช่น หาดปราณบุรี หาดชะอำ หาดแหลมเสด็จ หาดทรายแก้ว เป็นต้น กระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนริมชายฝั่ง และกระทบต่อการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลซึ่งทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของพื้นที่ชายหาดที่มีกำแพงกันคลื่นลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

Beach for life เเละองค์กรร่วมจัด จึงชวนทุกคนร่วมพูดคุยกับวิทยากรทั้ง 7 ท่าน ที่ได้รับผลกระทบจากกำเเพงกันคลื่น เเละ ติดตามสถานการณ์ชายหาดทั้งประเทศไทย เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า ชายหาดไทยกำลังหายไป หากรัฐยังคงดำเนินนโยบายให้กรมโยธาธิการฯสร้างกำเเพงกันคลื่น เเละกำเเพงกันคลื่นไม่ทำ EIA เเละเพื่อรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ของกลุ่ม Beach for life เเละเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด

โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมารัฐบาลได้รับข้อเรียกร้องของกลุ่ม Beach for life และเครือข่ายที่ต้องการทวงคืนชายหาดที่ถูกทำลายโดยกำแพงกันคลื่น โดยข้อเรียกร้องของชาวบ้านประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่ 1. การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองมารับผิดชอบโครงการกำแพงกันคลื่น 2. กำแพงกันคลื่นต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และ 3. ฟื้นฟูชายหาดที่เสียหายจากกำแพงกันคลื่น

และจากข้อตกลงในครั้งนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบจากโครงการกำแพงกันคลื่น ขึ้นมา ประกอบด้วย ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ตัวแทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมเจ้าท่า เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ 3 คน ภาคประชาชน 3 คน เป็นกรรมการ ตัวแทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขานุการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net