เครือข่ายพัฒนาเยาวชน จัดกิจกรรมให้กำลังใจ 'ตะวัน-แบม' หน้าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ พร้อมอ่านแถลงการณ์ เรียกร้องให้รับพิจารณาข้อเรียกร้อง หยุดดำเนินคดี - กลุ่ม KoratMovement ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ปล่อยเพื่อนเรา โปรยกระดาษ สามข้อเรียกร้องของตะวัน-แบม

28 ม.ค. 2566 เพจ The Reporters รายงานว่าที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เครือข่ายพัฒนาเยาวชน นำโดย นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วย นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) นายจเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เข้าเยี่ยม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ 2 นักกิจกรรมที่รับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากอดอาหาร และน้ำ เพื่อเรียกร้องให้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม และยกเลิกกฎหมายมาตรา 112  

นายวิฑูรย์ อ่านแถลงการณ์ของเครือข่ายพัฒนาเยาวชน โดยใจความสำคัญของแถลงการณ์ ระบุถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และข้อเรียกร้องของทั้ง 2 คน โดยแสดงความเป็นห่วงต่อการอดอาหารและน้ำ พร้อมเรียกร้องให้พรรคการเมือง สถาบันต่างๆ รวมถึงหน่วยงานของกระบวนการยุติธรรม ได้พิจารณาข้อเรียกร้อง และการแสดงออกของเยาวชนตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่ทางออกของประเทศ และยุติการดำเนินคดีกับนักกิจกรรม

ด้าน นางทิชา  กล่าวว่า เด็กทั้งคู่ และอีกหลายๆ คน เขาไม่ได้ใช้สิทธิเกินสิทธิ และไม่ได้เสรีภาพเกินเสรีภาพ หวังว่าแถลงการณ์นี้จะเดินทางไปถึงผู้ใหญ่ และผู้รับผิดชอบทุกคนในประเทศ รวมทั้งควรรีบแก้ปัญหาก่อนที่จะแก้ไม่ได้ ทำให้เป็นประวัติศาสตร์บาดแผล ซึ่งตอกย้ำความไม่รับผิดชอบของพวกเรา รวมถึงจะทำให้เรานอนไม่หลับไปตลอดชีวิต

นางทิชา กล่าวย้ำอีกว่า อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังเด็กๆ แล้วเอากฎหมายมาตรา112 มาเป็นตัวตั้ง และหาทางอยู่ร่วมกัน โดยไม่พูดหรือใช้เพื่อสร้างความหวาดกลัว หากยิ่งทำแบบนี้ จะยิ่งทำให้เสียหาย

นางทิชา กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่มาในวันนี้ มาด้วยความห่วงใยทั้งคู่ เราไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย และยากที่จะควบคุมได้ เมื่อถึงจุดนั้นอำนาจรัฐก็จะไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเราก็เคยผ่านจุดหนุ่มสาวมาก่อน ก็จะรู้ว่าการเอาความตายมาเป็นเดิมพัน เราไม่กลัว เพราะฉะนั้นอย่าท้าทายความเชื่อ และความศรัทธาการต่อสู้ของพวกเขา ไม่ใช่ว่าเราต้องกลัวเขา แต่เราอยากอยู่ร่วมกับเขา ผู้ที่จะกุมอนาคตของประเทศนี้ และเชื่อว่าในอนาคตพวกเขาก็จะเข้าใจเด็กรุ่นหลังต่อจากพวกเขาไปอีก

ส่วนนายจเด็จ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของเรา สิ่งที่จะนำเสนอคือต้องการให้สังคมรับฟัง เพราะหากอยู่ในความกลัวก็จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งมันถึงว่าวิกฤตที่จะต้องออกมาพูดในเรื่องนี้ เราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ถ้าไม่สนใจ แล้ววันนึงเขาเสียชีวิตไป เราจะสามารถปล่อยผ่านไปได้หรือยังไง

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คือการร้องเพลง เพื่อมวลชน ของวงกรรมาชน และปล่อยนก เพื่อสื่อถึงอิสรภาพอีกด้วยที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เครือข่ายพัฒนาเยาวชน นำโดย นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วย นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) นายจเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เข้าเยี่ยม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ 2 นักกิจกรรมที่รับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากอดอาหาร และน้ำ เพื่อเรียกร้องให้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม และยกเลิกกฎหมายมาตรา 112  

นายวิฑูรย์ อ่านแถลงการณ์ของเครือข่ายพัฒนาเยาวชน โดยใจความสำคัญของแถลงการณ์ ระบุถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และข้อเรียกร้องของทั้ง 2 คน โดยแสดงความเป็นห่วงต่อการอดอาหารและน้ำ พร้อมเรียกร้องให้พรรคการเมือง สถาบันต่างๆ รวมถึงหน่วยงานของกระบวนการยุติธรรม ได้พิจารณาข้อเรียกร้อง และการแสดงออกของเยาวชนตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่ทางออกของประเทศ และยุติการดำเนินคดีกับนักกิจกรรม

ด้าน นางทิชา  กล่าวว่า เด็กทั้งคู่ และอีกหลายๆ คน เขาไม่ได้ใช้สิทธิเกินสิทธิ และไม่ได้เสรีภาพเกินเสรีภาพ หวังว่าแถลงการณ์นี้จะเดินทางไปถึงผู้ใหญ่ และผู้รับผิดชอบทุกคนในประเทศ รวมทั้งควรรีบแก้ปัญหาก่อนที่จะแก้ไม่ได้ ทำให้เป็นประวัติศาสตร์บาดแผล ซึ่งตอกย้ำความไม่รับผิดชอบของพวกเรา รวมถึงจะทำให้เรานอนไม่หลับไปตลอดชีวิต

นางทิชา กล่าวย้ำอีกว่า อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังเด็กๆ แล้วเอากฎหมายมาตรา112 มาเป็นตัวตั้ง และหาทางอยู่ร่วมกัน โดยไม่พูดหรือใช้เพื่อสร้างความหวาดกลัว หากยิ่งทำแบบนี้ จะยิ่งทำให้เสียหาย

นางทิชา กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่มาในวันนี้ มาด้วยความห่วงใยทั้งคู่ เราไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย และยากที่จะควบคุมได้ เมื่อถึงจุดนั้นอำนาจรัฐก็จะไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเราก็เคยผ่านจุดหนุ่มสาวมาก่อน ก็จะรู้ว่าการเอาความตายมาเป็นเดิมพัน เราไม่กลัว เพราะฉะนั้นอย่าท้าทายความเชื่อ และความศรัทธาการต่อสู้ของพวกเขา ไม่ใช่ว่าเราต้องกลัวเขา แต่เราอยากอยู่ร่วมกับเขา ผู้ที่จะกุมอนาคตของประเทศนี้ และเชื่อว่าในอนาคตพวกเขาก็จะเข้าใจเด็กรุ่นหลังต่อจากพวกเขาไปอีก

ส่วนนายจเด็จ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของเรา สิ่งที่จะนำเสนอคือต้องการให้สังคมรับฟัง เพราะหากอยู่ในความกลัวก็จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งมันถึงว่าวิกฤตที่จะต้องออกมาพูดในเรื่องนี้ เราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ถ้าไม่สนใจ แล้ววันนึงเขาเสียชีวิตไป เราจะสามารถปล่อยผ่านไปได้หรือยังไง

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คือการร้องเพลง เพื่อมวลชน ของวงกรรมาชน และปล่อยนก เพื่อสื่อถึงอิสรภาพอีกด้วยที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เครือข่ายพัฒนาเยาวชน นำโดย นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมด้วย นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) นายจเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เข้าเยี่ยม น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ 2 นักกิจกรรมที่รับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากอดอาหาร และน้ำ เพื่อเรียกร้องให้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม และยกเลิกกฎหมายมาตรา 112  

นายวิฑูรย์ อ่านแถลงการณ์ของเครือข่ายพัฒนาเยาวชน โดยใจความสำคัญของแถลงการณ์ ระบุถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และข้อเรียกร้องของทั้ง 2 คน โดยแสดงความเป็นห่วงต่อการอดอาหารและน้ำ พร้อมเรียกร้องให้พรรคการเมือง สถาบันต่างๆ รวมถึงหน่วยงานของกระบวนการยุติธรรม ได้พิจารณาข้อเรียกร้อง และการแสดงออกของเยาวชนตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่ทางออกของประเทศ และยุติการดำเนินคดีกับนักกิจกรรม

ด้าน นางทิชา  กล่าวว่า เด็กทั้งคู่ และอีกหลายๆ คน เขาไม่ได้ใช้สิทธิเกินสิทธิ และไม่ได้เสรีภาพเกินเสรีภาพ หวังว่าแถลงการณ์นี้จะเดินทางไปถึงผู้ใหญ่ และผู้รับผิดชอบทุกคนในประเทศ รวมทั้งควรรีบแก้ปัญหาก่อนที่จะแก้ไม่ได้ ทำให้เป็นประวัติศาสตร์บาดแผล ซึ่งตอกย้ำความไม่รับผิดชอบของพวกเรา รวมถึงจะทำให้เรานอนไม่หลับไปตลอดชีวิต

นางทิชา กล่าวย้ำอีกว่า อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังเด็กๆ แล้วเอากฎหมายมาตรา112 มาเป็นตัวตั้ง และหาทางอยู่ร่วมกัน โดยไม่พูดหรือใช้เพื่อสร้างความหวาดกลัว หากยิ่งทำแบบนี้ จะยิ่งทำให้เสียหาย

นางทิชา กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่มาในวันนี้ มาด้วยความห่วงใยทั้งคู่ เราไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย และยากที่จะควบคุมได้ เมื่อถึงจุดนั้นอำนาจรัฐก็จะไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเราก็เคยผ่านจุดหนุ่มสาวมาก่อน ก็จะรู้ว่าการเอาความตายมาเป็นเดิมพัน เราไม่กลัว เพราะฉะนั้นอย่าท้าทายความเชื่อ และความศรัทธาการต่อสู้ของพวกเขา ไม่ใช่ว่าเราต้องกลัวเขา แต่เราอยากอยู่ร่วมกับเขา ผู้ที่จะกุมอนาคตของประเทศนี้ และเชื่อว่าในอนาคตพวกเขาก็จะเข้าใจเด็กรุ่นหลังต่อจากพวกเขาไปอีก

ส่วนนายจเด็จ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของเรา สิ่งที่จะนำเสนอคือต้องการให้สังคมรับฟัง เพราะหากอยู่ในความกลัวก็จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งมันถึงว่าวิกฤตที่จะต้องออกมาพูดในเรื่องนี้ เราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ถ้าไม่สนใจ แล้ววันนึงเขาเสียชีวิตไป เราจะสามารถปล่อยผ่านไปได้หรือยังไง

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ คือการร้องเพลง เพื่อมวลชน ของวงกรรมาชน และปล่อยนก เพื่อสื่อถึงอิสรภาพอีกด้วย

กลุ่ม KoratMovement ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ปล่อยเพื่อนเรา โปรยกระดาษ สามข้อเรียกร้องของตะวัน-แบม

วานนี้ (27 ม.ค.) เพจ KoratMovement รายงานว่ากลุ่ม KoratMovement จัดกิจกรรมโปรยกระดาษ ที่มีข้อความ 3 ข้อเรียกร้องของตะวันและแบม ซึ่งปัจจุบันทั้งคู่อยู่ระหว่างการถูกคุมขังในเรือนจำ และกำลังอดน้ำและอาหารประท้วง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมือง ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อประกอบด้วย

1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
2.ปล่อยนักโทษทางการเมือง
3.พรรคการเมืองเสนอนโยบายยกเลิกม.112 - ม.116

จากนั้นมีการชูป้ายข้อความปฏิรูปสถาบัน กิจกรรมทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และทำกิจกรรมขณะที่กดไฟจราจรให้รถหยุด

เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายยุติธรรมและรัฐบาล เคารพในสิทธิมนุษยชนว่าด้วยการให้ประกันตัว ให้สันนิฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบเท่าที่คดียังไม่ตัดสิน และหยุดการใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือปิดปากคนเห็นต่าง ที่สำคัญคือ รัฐจะต้องปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมด อย่างไม่มีเงื่อนไข