รีวิวนโยบายด้านการเกษตรพรรคการเมือง ปัญหาหนี้สินแม้ถูกมองเห็นแต่ยังแก้ไม่ตรงจุด

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ประเทศไทยเข้าสู่บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง เกษตรกรยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทุกพรรคการเมืองที่ต่างต้องมีนโยบายมาดึงดูดคะแนนเสียงให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อพิจารณาแล้วกลับพบว่านโยบายหาเสียงส่วนใหญ่ยังแก้ไม่ตรงประเด็นปัญหาของเกษตรกร

หากจำแนกปัญหาหลักๆ ของเกษตรกรไทยในปัจจุบันจะพบว่ามี 4 ปัญหาหลัก คือ ปัญหาหนี้สินเกษตรกร ปัญหาการไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ปัญหาการเข้าไม่ถึงปัจจัยการผลิต และการไม่ได้รับการสนับสนุนในการทำการเกษตรในรูปแบบต่าง เมื่อวิเคราะห์นโยบายด้านการเกษตรของพรรคการเมืองต่างๆ ที่เริ่มมีการเผยแพร่ทางต่างๆ แล้วพบว่า ก้าวไกลเป็นเพียงพรรคเดียวที่มีนโยบายครอบคลุมทุกปัญหา   ส่วนพรรคพลังประชารัฐและพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีนโยบายที่จะตอบสนองปัญหาสำคัญและเร่งด่วนอย่างปัญหาหนี้สินการเกษตรกรและการไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรประมง สามารถวิเคราะห์นโยบายหาเสียงตามประเด็นปัญหาของเกษตรกรจะได้ดังนี้

ปัญหาหนี้สิน

ปัญหาหนี้สินที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของภาคการเกษตรมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน แต่พบว่ามีเพียง 2 พรรคการเมืองที่มีนโยบายรูปธรรมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร คือพรรคเพื่อไทย ที่เสนอนโยบาย “พักหนี้ทันทีทั้งต้นทั้งดอก” และพรรคก้าวไกล ที่มาพร้อมนโยบาย “ลดเงินต้นก่อนลดดอกเบี้ย” และการมุ่ง “ปลดหนี้ให้เกษตรกรสูงวัย เกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง รัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง” 

หากเปรียบเทียบระหว่าง 2 พรรคการเมืองแล้วดูเหมือนว่า ก้าวไกลจะเข้าใจโครงสร้างปัญหาหนี้สินของเกษตรกรดีกว่าเพื่อไทย ทั้งนี้สาเหตุหลักประการหนึ่งที่เกษตรกรไทยไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้ได้ มาจากเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ของสถาบันการเงินเจ้าหนี้ต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ยอดเงินที่ชำระถูกนำไปจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยก่อน ทำให้ยอดเงินต้นแทบไม่ลด การลดต้นก่อนลดดอกเบี้ยหากทำได้จริงน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับการปลดหนี้ให้เกษตรกรสูงวัย ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีเกษตรกรลูกหนี้อายุมากกว่า 60 ปีถึงเกือบ 1.4 ล้านราย ในจำนวนนี้อายุมากกว่า 70 ปีถึง 414,576 ราย ซึ่งเกษตรกรวัยนี้ไม่น่าจะสามารถก่อให้เกิดรายได้แล้ว การให้ภาครัฐเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ของเกษตรกรกลุ่มนรี้ครึ่งหนึ่ง น่าจะสามารถปลดเปลื้องภาระได้ แต่ในระยะยาว ปัญหานี้ก็จะปะทุขึ้นมาอีก ตราบที่เจ้าหนี้สถาบันการเงินโดยเฉพาะ ธ.ก.ส. ยังคงอนุมัติสินเชื่อให้เกษตรกรสูงอายุ

ส่วนนโยบายพักหนี้ทันทีทั้งต้นทั้งดอกของพรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นความพยายามปิดช่องโหว่ของนโยบายพักชำระหนี้ในปัจจุบัน ที่คำว่า “พัก” หมายถึงไม่ต้องส่งเงินต้น แต่ดอกเบี้ยยังคงเดินหน้าต่อทำให้สุดท้ายการพักชำระหนี้แบบไม่หยุดดอกเบี้ยทำให้ยอดเงินกู้ของเกษตรกรเติบโตงอกงามขึ้น แต่การพักทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย สุดท้ายก็จะเป็นเพียงการให้เกษตรกรได้พัก หยุดหายใจ ชั่วคราว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ระยะยาวได้ 

ปัญหาที่ดินทำกิน 

มีเพียงพรรคประชาธิปัตย์และก้าวไกลที่มีนโยบายเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ดินทำกิน โดยพรรคประชาธิปัตย์มาพร้อมกับนโยบายการออกโฉนดที่ดินให้ได้ 1 ล้านแปลง ภายในเวลา 4 ปี โดยไม่มีการพูดถึงปัญหาการกระจายการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นรากของปัญหาการที่เกษตรกรไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ในขณะที่ก้าวไกลประกาศให้ที่ดิน ส.ป.ก.และที่ดินนิคมสหกรณ์ สามารถนำมาออกโฉนดได้ ขณะเดียวกันก็จะมีการตั้งกองทุนเพื่อตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ์ โดยตั้งงบประมาณกองทุนสูงถึง 10,000 ล้านบาท และยังจะพยายามให้มีการกระจายการถือครองที่ดินด้วยการตัดตั้งธนาคารที่ดินและเปลี่ยนระบบภาษีที่ดิน 

ปัญหาการเข้าไม่ถึงปัจจัยการผลิต

เกือบทุกพรรคยกเว้นเพื่อไทยและภูมิใจไทย มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาด้านนี้ ประชาธิปัตย์และชาตไทยพัฒนายึดแนวการแจก โดยชาติไทยพัฒนาจะแจกพันธุ์ข้าวให้เกษตรกรฟรี 60 ล้านไร่ ส่วนประชาธิปัตย์จะให้เงินอุดหนุนชาวนาปลูกข้าวครอบครัวละ 30,000 บาท และให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพประมงกลุ่มละ 100,000 บาท/ ปี ซึ่งประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่มีนโยบายเกี่ยวข้องกับกลุ่มเกษตรกรผู้ทำการประมงอย่างชัดเจน นอกจากการให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรชาวประมงซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรรายย่อยแล้ว ยังมีนโยบายช่วยเหลือกลุ่มประมงพาณิชย์ โดยมีนโยบายที่จะมุ่งแก้ปัญหาการติด Blacklist ของ สหภาพยุโรป เนื่องจาก IUU หรือการเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายประมง ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม นอกจากนี้ประชาธิปัตย์ยังมีนโยบายให้เงินอุดหนุนธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชนอีกแห่งละ 2 ล้านบาท คาดว่าเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงปัจจัยด้านการเงินทุนให้เกษตรกร

ส่วนก้าวไกลมาพร้อมนโยบายเป็นแพ็คเกจ ตั้งแต่การจะให้เกษตรกรสามารถซื้อปุ๋ยราคาถูกได้โดยผ่านสหกรณ์, กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน และสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ย 0 % ให้เกษตรกรนำไปซื้อเครื่องจักรทางการเกษตรเช่น รถไถ รถดำนา ส่วนพลังประชารัฐเน้นไปที่การดูแลต้นทุนด้านทรัพยากรน้ำ โดยจะจัดให้มีการบริหารจัดการน้ำต้นทุน การเก็บกักน้ำ และการเพิ่มแหล่งน้ำสำรอง
  
การส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบต่างๆ

พรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดเจนสนับสนุนการทำ contract farming โดยให้เอกชนเป็นผู้ทำสัญญากับเกษตรกรแทนเอกชน ซึ่งในปัจจุบันพบว่าเกษตรกรที่ทำ contract farming กับภาคเอกชนจำนวนมาก ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและจมอยู่กับวงจรหนี้ เพราะเอกชนสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ภูมิใจไทยประกาศชัดว่าการทำ contract farming กับรัฐจะสามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรได้ โดยจะนำร่องที่พืชเศรษฐกิจหลัก 4 อย่างก่อนคือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าการทำ contract farming กับรัฐจะออกมาในรูปแบบใด และจะมีภาคเอกชนเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือไม่ อย่างไร 

พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเดียวที่พร้อมจะยกระดับภาคการเกษตรไทยให้ทันความเคลื่อนไหวของสังคมโลก ด้วยการประกาศนำแนวคิด agritech หรือการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรเพื่อยกระดับสินค้าเกษตร และจะนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้กับสินค้าเกษตร รวมทั้งการใช้ตลาดเป็นตัวนำกำหนดแนวทางให้ภาคการผลิตเพื่อให้ผลผลิตมีตลาดที่ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มผลิต ซึ่งต้องตั้งคำถามกลับไปยังเพื่อไทยว่าจะทำให้เกษตรกรรายย่อยที่ปัจจุบันท่วมท้นด้วยหนี้สิน และไม่สามารถเข้าถึงต้นทุนการผลิตต่างๆ ได้ประโยชน์จากแนวนโยบายนี้ได้อย่างไร ส่วนพรรคก้าวไกลมีนโยบายเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเช่นกัน แต่แนวทางของก้าวไกลจะเน้นไปที่การเรียนรู้ของเกษตรกร โดยจะจ้างให้เกษตรกรรุ่นใหม่สอนให้เกษตรกรรุ่นเก่ารู้จักการการใช้เทคโนโลยี ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีที่ก้าวไกลจะนำไปสอนคือเทคโนโลยีอะไร นอกจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากคนรุ่นใหม่สู่คนรุ่นเก่าแล้วก้าวไกลยังมีนโยบายสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์ ด้วยการงดเก็บค่าธรรมเนียมการขอรับรองมาตรฐาน GAP GMP และจะสนับสนุนการท่องเที่ยวเขิงนิเวศ

สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาพบว่า เป็นพรรคเดียวที่เชื่อมโยงภาคเกษตรกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยประกาศจะทำให้ภาคเกษตรของไทยสามารถขายคาร์บอน เครดิตได้  

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการรีวิวนโยบายด้านการเกษตรของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนสนับสนุนหรือคัดค้านนโยบายของพรรคการเมืองใดๆ 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท