Skip to main content
sharethis

จากการสึกกะทันหันของ 'พระอาจารย์คม' พร้อม ถูกกล่าวหายักยอกเงินจากวัดป่าธรรมคีรีกว่า 180 ล้านบาท หลายคนอาจสงสัยว่าเขาเป็นใคร ในโอกาสนี้ชวนย้อนฟังคำบอกเล่าของ 'สนธิญาณ' ผู้ก่อตั้ง TOP NEWS เล่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ระบุ'พระอาจารย์คม' คนดัง ศิษย์ของพระอรหันต์และยังเป็นผู้ถวายธรรมบรรยาย เรื่อง “การฝึกจิตให้เกิดจิตตานุภาพและวิธีพิจารณารูปนามลงสู่ไตรลักษณ์”

8 พ.ค.2566 จากกรณี คม คงแก้ว หรืออดีตพระอาจารย์คม อภิวโร ประธานสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาและวุฒิมา เถาว์หมอ หรืออดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ (หมอ) เจ้าอาวาสดังกล่าว พระชื่อดังฝ่ายธรรมยุตและน้องสาวพระคม ถูกกล่าวหายักยอกเงินจากวัดป่าธรรมคีรีกว่า 180 ล้านบาท อีกทั้งกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงค้นบ้านน้องสาวพระคมยังพบเงิน 51 ล้านบาท และเงินในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท และเชื่อว่าจำนวนเงินจะมากกว่านี้ ขณะที่รองผอ.รักษาราชการแทน ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ออกมาเปิดเผยด้วยว่ารับเรื่องร้องเรียนพระเสพเมถุน และยักยอกเงินด้วยนั้น

อย่างไรก็ตาม ชื่อ 'พระอาจารย์คม' เคยปรากฏเป็นข่าวสาธารณะเมื่อ พ.ค.2564 จนต่อมา สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง TOP NEWS  รวมทั้งสถาบันทิศทางไทย กล่าวในรายการ "สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง" เมื่อวันที 27 พ.ค. 2564 มีผู้เข้าชมกว่า 7 แสนครั้ง สนธิญาณ ขณะนั้นอ้างถึงข่าวสารที่ออกมาเป็นระยะหนึ่ง จากพวกมีจิตใจไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปล่อยข่าวลือว่าทรงประชวรหนัก ต่อมาปรากฎว่า พระอาจารย์คม อภิวโร แห่งวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้ออกมาเล่าให้คณะศิษย์ฟัง ถึงการที่ได้ไปอบรมกัมมัฏฐานให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระอาจารย์คมได้เล่าว่าเมื่อวัน พุธที่ 19 พ.ค. 2564 ซึ่งตรงกับวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาปรดฯ ให้คณะสงฆ์วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จำนวน 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ประจำวันพระ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำข้าราชบริพารสวดมนต์ ทรงถวายสังฆทาน และหลังจากทรงส่งพระสงฆ์กลับวัดเรียบร้อยแล้ว ทรงอาราธนาพระอาจารย์คมเจริญกัมมัฏฐานเป็นการส่วนพระองค์

ถวายธรรมบรรยายเรื่อง “การฝึกจิตให้เกิดจิตตานุภาพและวิธีพิจารณารูปนามลงสู่ไตรลักษณ์”

สนธิญาณ เล่าต่อว่า วันนั้น พระอาจารย์คมได้ถวายธรรมบรรยายเรื่อง “การฝึกจิตให้เกิดจิตตานุภาพและวิธีพิจารณารูปนามลงสู่ไตรลักษณ์” หัวข้อแห่งธรรมเทศนาในวันนั้นเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นหมายความว่าทั้งผู้ที่เทศนาและผู้ที่รับคำเทศนา คือทั้งพระอาจารย์คมและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องมีความเข้าใจในธรรมอันลึกซึ้ง เพราะสิ่งที่ได้มีการอบรมกันก็คือการฝึกจิตให้เกิดจิตตานุภาพ ซึ่งจะต้องมีกระบวนการวิธีการในการฝึกฝน และเมื่อฝึกแล้วคำว่าพิจารณารูปนามลงสู่ไตรลักษณ์นั้นก็หมายถึงการได้ใช้ปัญญาไตร่ตรองลงสู่กฏแห่งความจริงของสรรพสิ่งว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วต้องเปลี่ยนแปลง ตั้งคงทนอยู่ไม่ได้ จะเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปใหม่เสมอ หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุดนี่เป็นหัวใจและคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งได้ทรงตรัสรู้ เข้าใจกฎแห่งกรรมและการดำรงอยู่ของรูปและนามซึ่งหมายถึงวัตถุทั้งหลายกับจิตและการทำงานของจิตที่ให้คนเราทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นยึดเอาความเป็นตัวตนเอาไว้จะละวางสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องมีปัญญาอันเข้าใจกฏไตรลักษณ์ พระอาจารย์คมย่อมไม่ใช่พระธรรมดาอย่างแน่นอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงได้อาราธนานิมนต์มา

สนธิญาณ กล่าวด้วยว่าตนในฐานะที่ได้ศึกษาธรรมะมา 20 กว่าปี กว่าที่จะพัฒนาระดับการรับรู้ระดับคำสอนของพระพุทธศาสนาให้หยั่งลงปัญญาในการไตรตรองไปสู่กฏไตรลักษณ์ไม่ใช่เรื่องพัฒนาการได้ง่ายๆ หากไม่ศึกษาอย่างจริงจังและเข้าใจอย่างจริงจังเพื่อก้าวข้ามไปให้พ้นการยึดมั่นยึดถือความเป็นตัวตน 

ศิษย์ของพระอรหันต์

สนธิญาณ กล่าวอีกว่า พระอาจารย์คม อภิวโร ดูจากรูปร่างหน้าตาอายุ 40 ปีเศษๆ พรรษาในการบวชน่าจะ 20 ปีต้นๆ แต่ทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงกราบไหว้เป็นครูอาจารย์นั้น ตนจะลำดับเรื่องราวให้เห็นความเป็นมาของพระอาจารย์คม โดย สนธิญาณ กล่าวต่อว่า พระอาจารย์คมเป็นศิษย์ของอุบาสิกาชื่อคุณแม่จันดี โลหิตดี ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งที่เป็นฆราวาสและที่สำคัญเป็นผู้หญิง และเป็นน้องสาวของหลวงตาบัว ทั้งนี้ พระอาจารย์คมรู้จักกับคุณแม่จันดีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เป็นการรู้จักฝ่ายเดียวเนื่องจากว่าพระอาจารย์คมสนใจในธรรมะตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ และได้ไปกราบไหว้หลวงตาบัวที่สวนแสงธรรมที่พุทธมนฑลสาย 3 ตลอดเวลาเมื่อหลวงตัวมหาบัวมาจำวัดที่นี้ พระอาจารย์คมขณะนั้นที่ยังเป็นเด็กก็จะไปฟังธรรมไปปฏิบัติธรรม 

เมื่อหลวงตามหาบัวประสบอุบัติเหตุประมาณปี 2541-2542 คุณแม่จันดีได้มาจากวัดป่าบ้านตาดมาเยี่ยมหลวงตามหาบัวที่สวนแสงธรรม เมื่อคุณแม่จันดีเดินผ่าน พระอาจารย์คมเล่าว่าตนก็ก้มลงกราบโดยปรากฏว่าคุณแม่จันดีได้ยกมือรับไหว้พระอาจารย์คมที่ยังเป็นหนุ่มน้อยในขณะนั้น จากนั้นเข้ามหาวิทยาลัยเรียนที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นช่วงที่หลวงตามหาบัวจัดผ้าป่าช่วยชาติขึ้นทำให้หลวงตามหาบัวต้องเดินทางระหว่างกรุงเทพกับอุดรอย่างสม่ำเสมอ พระอาจารย์คมก็ได้พบกับคุณแม่จันดีแต่ก็ไม่ได้เข้าไปกราบไหว้พูดคุย จนวันหนึ่งลูกศิษย์คุณแม่จันดีมาบอกพระอาจารย์คมซึ่งขณะนั้นยังเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่าจะพาไปกราบคุณแม่จันดี ขณะนั้นคุณแม่จันดีได้เทศนาสอนธรรมะให้กับผู้คนทั้งหลายที่ไปกราบที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อพระอาจารย์คมไปกราบขณะนั้นคุณแม่จันดีก็ถามว่า "ลูกชื่ออะไร" เมื่อพระอาจารย์ตอบว่าชื่อ "คม" คุณแม่จันดีก็บอกกับญาติโยมที่นั่งอยู่ที่นั่นว่า "ที่มาทั้งหมดนี้ไม่มีใครตั้งใจจริง ไม่มีใครภาวนาดีเท่าเด็กคนนี้สักคน" จากนั้นก็ถามพระอาจารย์คมว่า "ลูกภาวนาอย่างไร แม่อยากฟังเรื่องการภาวนา" จากนั้นพระอาจารย์คมก็ลำดับความเรื่องการภาวนาให้คุณแม่จันดีทราบ หลังจากนั้นคุณแม่จันดีก็ได้บอกว่าที่ภาวนานั้นผิดทั้งหมด การเดินจงกรมมากตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 3 ทุกวัน ภาวนาเพื่อให้เห็นสังขารทั้งหลายมันปรุงแต่งมาอย่างไรแล้วให้สังขารขาดไปเลย พระอาจารย์คมเล่าว่าเมื่อได้ฟังคุณแม่จันดีกล่าวแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาด จึงถามคุณแม่จันดีว่า "ทำอย่างไรถึงจะให้ถูกต้อง" นับแต่นั้นพระอาจารย์คมก็ได้กลายเป็นลูกศิษย์ของคุณแม่จันดี

แม้ครอบครัวพระอาจารย์คมและตัวพระอาจารย์คมจะสนใจใฝ่การทำบุญทำทาน แต่ตอนพระอาจารย์คมจะบวชนั้นทางบ้านไม่อยากให้บวช อยากให้เรียนหนังสือ อย่าไงก็ตามความตั้งใจของพระอาจารย์คมนั้นสูงยิ่งจึงไปกราบคุณแม่จันดี คุณแม่จันดีจึงบอกว่าทรัพย์สมบัติที่คุณแม่จันดีมีเท่าไหร่จะยกให้กับลูกคมหมดเลย เพื่อจะได้เอาทรัพย์สมบัตินี้ไปกราบบูชาค่าน้ำนมบิดามารดาเพื่อที่คุณแม่จันดีจะได้ขอพระอาจารย์คมมาเป็นลูกบุญธรรม และคุณแม่จันดีจะเป็นผู้ดูแลพระอาจารย์คม จนในที่สุดพ่อแม่ของพระอาจารย์คมก็มากราบคุณแม่จันดีที่วัดป่าบ้านตาด หลังจากที่คุณแม่จันดีขอพระอาจารย์คมจากพ่อแม่ พระอาจารย์คมที่กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปี 3 ก็ลาออกแล้วมาตั้งหน้าปฏิบัติธรรมที่วัดโนนสวรรค์ ห่างจากวัดป่าบ้านตาด 13 กิโลเมตร 

หลังจากได้มีการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดเอาจริงเอาจัง หรือในสายวัดป่าพูดกันว่า ละชีวิต เอาชีวิตเข้าแลก ที่สุดคุณแม่จันดีก็บอกกับพระอาจารย์คมว่าถึงเวลาบวชได้แล้ว หลังจากบวชแล้วพระอาจารย์คมก็ได้ถือโอกาสดูแลและเยี่ยมเยียนคุณแม่จันดีเป็นระยะในฐานะพระอาจารย์ผู้ให้กัมมัฏฐานและเป็นผู้สอนในการปฏิบัติธรรมจนที่สุดคุณแม่จันดีก็ได้ดับขันธ์สู่พระนิพพานเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2556 ที่วัดป่าบ้านตาด รวมอายุ 82 ปี 11 เดือน

"พระอาจารย์คมเป็นลูกศิษย์ของคุณแม่จันดี เป็นลูกศิษย์ของพระอรหันต์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนาในยุคสมัยนี้ที่สำคัญยังเป็นพระอรหันต์ที่เป็นผู้หญิงที่บรรลุธรรมในบยุคสมัยนี้" สนธิญาณ กล่าวทั้งท้าย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net