Skip to main content
sharethis

กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุทหารใช้กำลังสลายชุมนุมปี 53 ร่วมกันถวายเพลพระรำลึกถึงผู้เสียชีวิตพร้อมแถลงเรียกร้องรัฐบาลใหม่คืนความยุติธรรมและลงนาม ICC เลขาฯ พรรคก้าวไกล-หมอทศพรร่วมงานด้วยพร้อมยืนยันต้องคืนความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตเพื่อยุติความขัดแย้ง

19 พ.ค.2566 10.30 น. ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กลุ่มครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 คนจากเหตุการณ์ทหารใช้อาวุธสงครามยิงเข้าไปในวัดระหว่างสลายการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) เมื่อ 19 พ.ค.2553 พวกเขารวมตัวกันเพื่อทำบุญถวายเพลพระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนาแล้วพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของ‘เฌอ’ สมาพันธ์ ศรีเทพ เยาวชนอายุ 17 ปี ที่ถูกทหารยิงเสียชีวิตที่ถนนราชปรารภเมื่อ 15 พ.ค.2553 เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ของญาติของผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง 2553 ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล

ในแถลงการณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่ตั้งขึ้นมาโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและการใช้กองกำลังทหารสลายการชุมนุม นปช.ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 จนมีผู้เสียชีวิต 94 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 1,283 คนทั้งพลเมืองและทหาร รวมถึงทรัพย์สินเอกชนเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์นี้เนเพียงเหตุการณ์นึงจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดความอยุติธรรมขึ้นในสังคมไทยซึ่งผู้กระทำความผิดลอยนวลจากการกระทำของตัวเองได้จากการอุปถัมป์ทั้งจากองค์กรตุลาการ ศาล และองค์กรอิสระต่างๆ

แถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้สูญเสียจากการสลายชุมนุมปี 2553 ต่อรัฐบาลประชาธิปไตยว่าจะต้องทำความจริงให้ปรากฏและนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และต้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

นอกจากนั้นยังมีข้อเรียกร้องให้มีมาตรการที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์กระทำความรุนแรงกับประชาชนอีกในอนาคต และต้องเร่งสะสางและนิรโทษกรรมประชาชนจากคดีทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 รวมถึงรัฐบาลต้องลงนามให้สัตยาบันรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC และข้อสุดท้ายคือนำกองทัพออกจากการเมืองตลอดกาล

พะเยาว์ อัคฮาด

พะเยาว์ อัคฮาด แม่ของกมลเกด อัคฮาด 1 ในพยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า สำหรับเรื่องคดีความการเสียชีวิตของประชาชนที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด เจ้าหน้าที่ไม่เคยได้รับการลงโทษพ้นผิดตลอด

แม่ของกมลเกดกล่าวต่อจากเหตุดังกล่าวทำให้ประวัติศาสตร์ไทยมมีประชาชนถูกฆ่ามาหลายครั้งหลายหนหลายเหตุการณ์ ดังนั้นในวาระที่จะมีรัฐบาลใหม่จึงขอฝากให้พิจารณาถึงข้อเรียกร้องที่แถลงไปด้วย เพราะประชาชนต้องรับทุกข์จากการกระทำของรัฐมานานแล้ว

พะเยาว์กล่าวว่าการมีรัฐบาลใหม่ครั้งนี้จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็จะได้มีทางออก หวังให้รัฐบาลนี้สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ผู้สูญเสียและครอบครัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ คดีความที่ตัดสินไม่เป็นธรรมอยากให้มีการรื้อฟื้นย้อนไปถึงเหตุการณ์อื่นๆ นอกจากเหตุการณ์ปี 2553 ด้วย เยียวยาจิตใจและคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่พวกเขา และอยากให้วันที่ 19 พ.ค.เป็นวันยุติการลอยนวลพ้นผิดด้วย

“ในปี 53 ผู้เสียชีวิตถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้าย พวกเราเป็นพ่อเป็นแม่ถูกตราหน้าว่าเป็นพ่อแม่ของผู้ก่อการร้าย เพราะฉะนั้นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเรายังไม่ได้ถูกกู้คืน เรายังถูกตราหน้าถึงทุกวันนี้” พะเยาว์ฝากถึงรัฐบาลใหม่

พะเยาว์กล่าวถึงประเด็นที่เรียกร้องให้รัฐบาลรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งเป็นประเด็นที่มีข้อขัดข้องมาตลอดว่าขอฝากรัฐบาลใหม่ด้วยให้พิจารณาในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ถึงไทยจะยังไม่ลงนามรับทั้งหมดแต่ยอมรับเพียงแค่ให้ศาลพิจารณาเฉพาะเรื่องเหตุการณ์ปี 2553 ตามมาตรา 12(3) ของธรรมนูญกรุงโรมก็ได้และจะเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่สามารถไปถึงได้เพราะถูกปิดกั้นด้วยความดำมืด

ชัยธวัช ตุลาธน(ขวา) และทศพร เสรีรักษ์(ซ้าย) ร่วมวางดอกไม้จุดที่ผู้เสียชีวิตถูกยิงในวัดปทุมฯ

ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวในฐานะตัวแทนของงพรรคว่าวันนี้เป็นวันสำคัญเพราะเมื่อ 13 ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ทหารล้อมปราบประชาชนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์ครั้งนั้นมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าประชาชนที่อยู่ในวัดปทุมฯ ไม่มีอาวุธยิงตอบโต้กับทหารและชัดเจนว่ามีทหารจำนวนมากที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าแล้วยิงลงมา

“เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สะท้อนชัดว่า 13 ปีผ่านไปแล้วกระบวนการเอาเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุจนทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ยังไม่มีใครเลยที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วรับโทษรับผิด”

เลขาฯ ก้าวไกล กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของสังคมไทยที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดเมื่อเจ้าหน้าที่ใช้กำลังกับประชาชนแล้วไม่เคยมีคนต้องรับผิด ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็จะไม่มีหลักประกันเลยว่าในอนาคตจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ชัยธวัชกล่าวว่าหากตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จคิดว่าวาระสำคัญของรัฐบาลใหม่คือการแก้ไขยุติปัญหาความขัดแย้งและบาดแผลของสังคมไทยที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่รัฐประหาร 2549 จนถึงปัจจุบันเพื่อให้สังคมและประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และการคืนความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียจากเหตุการณ์เมษายน-พฤษภาคม 2553 ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่จะผลักดันเพราะสำนวนคดีที่อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษถูกหยุดเอาไว้ตั้งแต่การรัฐประหาร 2557

“เรื่องนี้ต้องเดินหน้าต่อเพื่อคืนความปกติให้กับกระบวนการยุติธรรม ให้กระบวนการยุติธรรมภายในประเทศทำงานได้อย่างเต็มที่” เลขาฯ ก้าวไกลกล่าว และเขาเสริมว่าที่ผ่านมาก็มีรายงานจากทั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ตั้งขึ้นมาโดยชวน หลีกภัยเมื่อรัฐบาลสมัยที่แล้วก็ทำรายงานออกมาเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ถูกนำมาเสนอในสภา ซึ่งมีข้อเสนอหลายอย่างที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกลแลพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องการยุติความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าหากตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้วจะมีการหยิบยกมาพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามชัยธวัชว่าได้มีการพูดคุยหรือเสนอเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและเรื่องการลงนามรับเขตอำนาจ ICC กับบพรรคการเมืองที่จะร่วมกันเป็นรัฐบาลระหว่างการทำ MOU บ้างหรือไม่ เขาตอบในประเด็นนี้ว่าตอนนี้เริ่มกระบวนการเพื่อทำ MOU ร่วมกันรายละเอียดยังไม่ยุติจึงอยากให้รอฟังข้อสรุปทีเดียวแต่ก็เป็นประเด็นที่สำคัญเพราะหลายฝ่ายก็มองว่าเป็นมาตรการที่จะนำไปสู่ความเป็นธรรมให้กับประชาชนและยุติความขัดแย้งในอดีตได้

ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.เขต จ.แพร่ พรรคเพื่อไทย ที่มีเป็นตัวแทนของพรรคให้สัมภาษณ์ว่า การยุติความขัดแย้งและการให้ความเป็นธรรมเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งอยู่ในกระบวนการค้นหาความจริงและคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียหายทุกคน ไม่ว่าเรื่อง ICC หรือเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็เป็นเรื่องที่ต้องผลักดันกันต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลใหม่หรือไม่ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.ทุกคนเข้าไปทำให้ปรากฏ เพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

“ก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย สิ่งที่ผมได้เจอกับตัวเอง ภาพที่ทหารยิงลงมาก็ยังติดตา วันที่เสธ.แดงถูกยิงผมก็เป็นคนพาเสธ.แดงไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลวชิระฯ จนเสธ.แดงจากไป มันเป็นเรื่องจริงจังที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะผลักดันเรื่องนี้แล้วก็คืนความเป็นธรรมให้กับทุกคน และก็เห็นด้วยที่ 19 พ.ค.เป็นวันยุติการลอยนวลพ้นผิดแห่งชาติ” ส.ส.เพื่อไทยกล่าวและรับปากว่าพวกเขาจะไปผลักดันเรื่องนี้และช่วยคืนความยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ผู้สูญเสีย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net