Skip to main content
sharethis

นักศึกษา เยาวชน จัดเสวนา “พระราชบัญญัตินิรโทษ ทำไมต้องนิรโทษกรรมประชาชน" พร้อมตั้งโต๊ะล่าชื่อเสนอร่างกฎหมาย ย้ำเป็นโอกาสในการแก้ไขความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

12 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 17.00 ณ ร้าน Wooden house Cafe (สะพานรัษฎา ลำปาง) อ.เมือง จ.ลำปาง กลุ่ม Amnesty club of Thammasat university จัดงานเสวนา “พระราชบัญญัตินิรโทษ ทำไมต้องนิรโทษกรรมประชาชน" ดำเนินการโดย อชิรญา บุญตา ทั้งนี้ยังมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ เพื่อผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน เพื่อเสนอยุติการดำเนินคดีต่อประชาชนที่แสดงออกทางการเมือง เริ่มตั้งแต่รัฐประหารกันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน แต่ไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเกินกว่าเหตุและไม่รวมผู้ก่อกบฏทำรัฐประหารนั้น

อชิรญา กล่าวว่า นับตั้งแต่การชุมนุมเยาวชนปลดแอกในเดือนกรกฎาคม 2563 เป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของการเคลื่อนไหวทางการเมืองระลอกล่าสุด ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ มีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองกว่า 1,900 ราย ด้วยข้อหาที่แตกต่างกัน ฐานความผิดที่มีประชาชนถูกดําเนินคดีมากที่สุด คือฝ่าฝืนพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

อชิรญา กล่าวต่อว่า แต่ฐานความผิดซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในขณะนี้และเป็นส่วนหนึ่งในข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คือ มาตรา 112 ในโอกาสที่ประเทศกลับมาสู่การเลือกตั้งและรัฐบาลที่มาจากประชาชน การปลดเปลื้องคดีความทางการเมืองจะนําไปสู่โอกาสในการแก้ไขความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน คืนความยุติธรรมให้ประชาชนก่อให้เกิดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นและมีการเสนอโดยหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฉบับพรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติและนิรโทษกรรมฉบับของประชาชน ซึ่งในแต่ละฉบับก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน

“เราจึงต้องสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชนซึ่งมีความสําคัญเกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและเกิดข้อสรุปใน ทางวิชาการกฎหมายและหาทางออกในความขัดแย้งของสังคมเพื่อคืนสิทธิมนุษยชนและความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหารวมไปจนถึงผู้ต้องขังในคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง” อชิรญา กล่าว

อานนท์ ชวาลาวัณย์ เครือข่ายประชาชนนิรโทษกรรม หนึ่งในผู้ร่วมเสวนากล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐประหารที่ทำการรัฐประหารต่างนิรโทษกรรมและยกเว้นความผิดให้ตนเองทันทีโดยไม่เคยถูกตำหนิใดๆ เลย แต่ในวันนี้ภาคประชาชนขอนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะอยู่ภายในประชาชนควรจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระและถูกคุมขังเพียงเพราะการพูดหรือการแสดงออก ซึ่งนิรโทษกรรมไม่ใช่ทางออกสุดท้ายแต่คือก้าวแรกที่จะออกจากวังวนความขัดแย้ง

“สิ่งที่สำคัญหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือในปี 2563 คนที่จะมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างเช่น นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ (เพนกวิน) ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ แต่ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 นั่นหมายความว่าเราอาจจะสูญเสียอาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์คนนึงไปและคนอื่นๆ ที่มีส่วนสำคัญในการก้าวขึ้นมาในการพัฒนาประเทศ” อานนท์กล่าว  

พินิจ ทองคำ กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน กล่าวว่า ถึงเวลาที่เราทุกคนต้องแสดงฉันทามติร่วมกันในการกำหนดอนาคตของการปกครองระบอบประชาธิปไตย การนิรโทษกรรมไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอันจะนำไปสู่ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์

“หลายครั้งที่เราปล่อยให้รัฐใช้อำนาจทางเดียวในการปกครอง ปล่อยให้รัฐใช้ความรุนแรง ใช้กฎหมายในการกำจัดผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เราเมินเฉยกันไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เมื่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเกิดขึ้น จึงถึงเวลาของการยุติเรื่องในอดีต เพื่อให้ปัจจุบันและอนาคต ประชาชนจะร่วมกันสร้างสังคมใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยท่ามกลางความหลากหลายได้อีกครั้ง" พินิจกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net