'เศรษฐา' สั่งการเตรียมการรับรองการท่องเที่ยวฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร ที่เริ่มเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ควบคู่ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมยกระดับหนังสือเดินทางไทยเดินทางได้ 35 ประเทศ เชิญชวนคนไทยมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลหากมีนักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไทย
2 มี.ค. 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งลดข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว ยกระดับหนังสือเดินทางไทย จนทำให้ปัจจุบันเมื่อรวมมาตรการยกเว้นตรวจลงตราหนังสือเดินทางไทย-จีน อย่างถาวรซึ่งมีผลบังคับใช้วันแรกเมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 2567) ทำให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทย สามารถเดินทางโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา ได้ใน 35 ประเทศ/ดินแดน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากผลสำเร็จ ในการร่วมลงนามในพิธีความตกลงและเอกสารสำคัญไทย-จีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ ในวันที่ 28 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทำให้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันมีผลในวันที่ 1 มี.ค. 2567 สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ สามารถเดินทางไปประเทศจีนและพำนักอยู่ได้สูงสุด 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า และหากเดินทางเข้าออกประเทศจีนหลายครั้ง ภายในระยะเวลา 180 วัน จะสามารถพำนักในประเทศจีนเป็นระยะเวลารวมกันไม่เกิน 90 วัน ซึ่งหลังจากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้คาดการณ์ว่าจะเกิดการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระดับประชาชนอย่างมีนัยยะสำคัญ
โดยจากข้อมูลกรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ (ข้อมูล 1 มี.ค. 2567) พบว่าหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย สามารถเดินทางไปยังประเทศและดินแดนต่างๆโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา เป็นจำนวน 35 ประเทศ/ดินแดน ดังนี้ 1) อาร์เจนตินา 90วัน 2) ศรีลังกา 30 วัน (28 พ.ย. 2566- 31 มี.ค. 2567) 3) บราซิล 90 วัน 4).บรูไน 14 วัน 5) กัมพูชา 14 วัน 6) ชิลี 90 วัน 7) เอกวาดอร์ 90 วัน 8) จอร์เจีย 365 วัน 9) มณฑลไห่หนานของจีน 30 วัน 10) ฮ่องกง 30 วัน 11) อินโดนีเซีย 30 วัน 12) ญี่ปุ่น 15 วัน 13) คาซัคสถาน 30 วัน 14) เกาหลีใต้ 90 วัน 15) คีร์กีซ 60 วัน (เฉพาะ 1 สิงหาคม 2564 ถึง 31 กรกฎาคม 2568) 16) ลาว 30 วัน 17) มาเก๊า 30 วัน 18) มองโกเลีย 30 วัน 19) มาเลเซีย 30 วัน 20) มัลดีฟส์ 30 วัน 21) เมียนมา 14 วัน (เฉพาะที่ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ) 22) ปานามา 180 วัน 23) เปรู 90 วัน 24) ฟิลิปปินส์ 30 วัน 25) กาตาร์ 30 วัน 26) รัสเซีย 30 วัน 27) เชเชลส์ 30 วัน 28) สิงคโปร์ 30 วัน 29)แอฟริกาใต้ 30 วัน 30) ไต้หวัน 14 วัน (1 ส.ค. 2565 ถึง 31 ก.ค. 2567) 31) ทาจิกิสถาน 30 วัน 32) ตุรเกีย 30 วัน 33) วานูอาตู 30 วัน 34)เวียดนาม 30 วัน และล่าสุด 35) จีน 30 วัน
“นายกรัฐมนตรีตั้งใจยกระดับประเทศ และประชาชนไทยในเวทีโลก พร้อมดำเนินนโยบายอย่างมีกรอบการทำงานที่เป็นรูปธรรม นำเสนอศักยภาพจุดขายของไทยในระดับนานาชาติได้อย่างเหมาะสม รวมทั้ง เร่งดำเนินมาตรการเพื่อยกระดับศักดิ์ศรี และชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสให้ทุกภาคส่วนของไทยมากขึ้น” นายชัย กล่าว
เชิญชวนคนไทยมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายชัย ยังระบุว่าต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในประเทศช่วงนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังห่วงกังวล ขอให้ประชาชนไทยร่วมแรงร่วมใจกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประเทศไทย ที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อนด้วยความชื่นชมความเป็นไทย มีน้ำใจต่อนักท่องเที่ยว เพื่อให้นโยบายการท่องเที่ยวที่รัฐบาลผลักดันอย่างรอบด้านสำเร็จ เพื่อให้ปัจจัยด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกเครื่องมือผลักดันเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่น่ารักต่อคนไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นปฏิบัติตามกฎหมายไทยด้วย
“ประเทศไทยกำลังผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงขอให้ชาวไทยร่วมแรงร่วมใจเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีน้ำใจต่อผู้มาเยือน ร่วมพัฒนาชาติไปด้วยกัน อย่างไรก็ดี ยังคงอยู่ซึ่งความมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ชาวต่างชาติที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ควรได้รับการตรวจสอบ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย มีน้ำใจกับคนไทย” นายชัย กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)