‘สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือลำปาง’ กว่า 300 คน ชุมนุมศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ - สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ลำปางให้หยุดเข้าตรวจแปลงทำกินเดิมของชาวบ้านในพื้นที่ตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์ไพร กังวล ‘ไร่หมุนเวียน’ อาจถูกยึด ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ลำปางรับเงื่อนไขหยุดลงพื้นที่ถ้าเป็นที่ทำกินเดิมก็โอเค
19 มิ.ย. 2567 เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.2567) เวลาประมาณ 13.30 น. สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)จังหวัดลำปางนัดหมายรวมตัวกัน ณ ปั๊ม ปตท. ข้างศาลากลางจังหวัดลำปาง สืบเนื่องจากวันที่ 13 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่หน่วยฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่โป่งที่ 6 จ.ลำปาง เข้าตรวจสอบแปลงไร่หมุนเวียนของชุมชนบ้านขุนอ้อนพัฒนา อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่สมาชิก สกน. โดยไม่แจ้งให้ชุมชนทราบล่วงหน้า อีกทั้งไม่ชี้แจงจุดประสงค์และรายละเอียดให้ชัดเจน ซ้ำเจ้าหน้าที่ยังมีท่าทีข่มขู่ว่าจะยึดแปลงทำกินด้วย
เวลา 14.00 น. สกน.ลำปาง พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนที่เข้าร่วมสังเกตการณ์เดินขบวนไปยังศาลากลางจังหวัดลำปาง ตัวแทนชุมชนผลัดกันปราศรัยสะท้อนปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนในพื้นที่จากกฎหมายและนโยบาย ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพยายามเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศไทย ตั้งแต่กรณีนโยบายทวงคืนผืนป่า จากคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐ (คทช.) จนกระทั่งคำสั่งล่าสุดในช่วงเดือนเมษายน ปี 2567 นี้ คือ ‘ปฏิบัติการพิทักษ์ไพร’ ที่มีคำสั่งตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่า หากพบว่าเป็นการบุกรุกให้ดำเนินการยึดพื้นที่คืนเพื่อนำไปดำเนินการปลูกป่าต่อไป ซึ่งแปลงทำกินที่เป็น ‘ไร่หมุนเวียน’ ของชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ เป็นหนึ่งในประเภทที่ดินที่หน่วยงานป่าไม้จะเข้ามา
“เราเชื่อว่ากระทรวงทรัพยากรฯ กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานอะไรก็ตามแต่ รับรู้ถึงการมีอยู่ของไร่หมุนเวียน ทำไมถึงยังมีคำสั่งอะไรแบบนี้อยู่อีก เราอยู่อาศัย เราทำกินตามวิถีมาสามสี่ร้อยปี ป่าก็ยังเป็นป่าจนถึงทุกวันนี้ แค่นี้มันก็พิสูน์ได้ชัดเจนแล้วว่าคนอยู่กับป่า รักษาป่า ไม่ใช่ทำลาย ไม่ได้บุกรุก วันนี้เราอยู่ในบ้านโดยไม่ปกติสุข เราเดือดร้อน ผู้ว่าฯต้องรับรู้ว่า ประชาชนในพื้นที่ที่ท่านดูแลกำลังเผชิญกับอะไร” ถาวร หลักแหลม ชุมชนบ้านกลาง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กล่าวขณะปราศรัย
![สกน](https://live.staticflickr.com/65535/53801728710_04e13c52e5_b.jpg)
![](https://live.staticflickr.com/65535/53801728685_e7d5211cc5_b.jpg)
![สกน](https://live.staticflickr.com/65535/53801625399_61d860f8d4_b.jpg)
เวลา 14.30 น.ที่ศาลากลาง ชนาธิป เสมแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, สุรชัย แสงศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง และประสิทธิ์ ท่าช้าง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) มารอรับหนังสือจากขบวนผู้ชุมนุม โดยทางผู้ชุมนุมเจรจาให้เปิดห้องประชุมพูดคุยเป็นทางการ แต่ทางชนาธิป รองผู้ว่าฯ ปฏิเสธและให้เหตุผลว่าศาลากลางไม่มีห้องประชุมใหญ่พอรองรับคน 300 คน จะให้เจรจากันบริเวณบันไดหน้าอาคารศาลากลาง ซึ่งระหว่างการเจรจามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปางทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบประมาณ 10 นาย ตรึงกำลังในบริเวณนั้นด้วย
เธียรชัย สกุลกระวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชุมชนขุนอ้อนพัฒนา อ.งาว จ.ลำปาง ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนบ้านขุนอ้อนพัฒนา เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2567 ทำให้คนในชุมชนกังวลว่า จะยังสามารถดำรงชีวิตด้วยวิถีการเกษตรแบบดั้งเดิมได้อีกหรือไม่ และถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการตรวจยึดพื้นที่ภายใต้ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในเบื้องต้นทางขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ)ได้ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้วเพื่อเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการตามนโยบายพิทักษ์ไพรของกรมป่าไม้ในทุกพื้นที่สมาชิกพีมูฟโดยทันที
ข้อเรียกร้องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
1. ให้ประสานงานไปยังผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง, ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 3 ลำปาง และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ ให้ยุติการดำเนินการตรวจสอบที่อาจนำไปสู่การตรวจยึดพื้นที่ไร่หมุนเวียนของประชาชนในทุกพื้นที่ของจังหวัดลำปางโดย จนกว่าจะเกิดการเจรจากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ในกรณีที่เกิดขึ้นแล้วกับชุมชนบ้านขุนอ้อนพัฒนา หมู่ที่ 8 ต.บ้านอ้อน อ.งาว จ.ลำปาง ขอให้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ยุติการดำเนินการโดยทันที และผลการตรวจสอบทั้งหมดที่ดำเนินการไปแล้ว ชุมชนไม่ยอมรับ ให้ถือเป็นโมฆะทั้งหมด
2. ให้ประสานงานหน่วยงานทั้งหมดตามข้อ 1 มาชี้แจงกระบวนการตรวจสอบแปลงที่ดินทำกินเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2567 ณ ชุมชนบ้านขุนอ้อนพัฒนา เนื่องจาก สกน. เห็นว่า กระบวนการไม่มีความชอบธรรม อาจขัดต่อระเบียบในทางปฏิบัติของกรมป่าไม้ นอกจากนั้นให้ทุกหน่วยเปิดเผยข้อมูลตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์ไพรทั้งหมดต่อ สกน. จังหวัดลำปาง ได้แก่ คำสั่งกรมป่าไม้, ข้อมูลตามโครงการวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพป่า, หลักเกณฑ์การพิจารณาว่าแปลงใดเป็นแปลงบุกรุก และข้อมูลพิกัดรายแปลงที่จะลงตรวจสอบ รวมถึงทุกครั้งที่มีการตรวจสอบพื้นที่แล้วให้ลงพื้นที่คืนข้อมูลแก่ชุมชนว่าผลการตรวจสอบเป็นไปตามที่ดำเนินการร่วมกับชุมชนหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดกรมป่าไม้ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งจะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะมีความผิดตามกฎหมาย
3. พื้นที่สมาชิก ขปส.ในจังหวัดลำปาง ขอยืนแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันผ่านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ซึ่งมีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และขอยืนยันปฏิเสธแนวทางโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และปฏิเสธการใช้มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 พ.ย. 2561 เรื่อง กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) ฉะนั้นชุมชนไม่ยินยอมให้มีการกดดันหรือบีบบังคับจากหน่วยงานใดให้ชุมชนต้องยอมรับแนวทาง คทช. เป็นอันขาด ซึ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จังหวัดลำปาง ต้องรับรู้และช่วยยืนยันเจตนารมณ์ของชุมชนด้วย
![สกน](https://live.staticflickr.com/65535/53800362542_27242cb3f2_b.jpg)
![](https://live.staticflickr.com/65535/53801728720_8dbaca305f_b.jpg)
ประสิทธิ์ ท่าช้าง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง (สจป.3 ลำปาง) ชี้แจงว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบกรณีแปลงบุกรุกที่ถูกยึดหรือถูกดำเนินคดีจากนโยบายปฏิบัติการพิทักษ์ไพรในพื้นที่อำเภองาวและอำเภอแม่เมาะ ซึ่งไม่พบการยึดพื้นที่หรือการดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยทาง สจป.3 ลำปางจะมีคำสั่งให้ชะลอการดำเนินการในพื้นที่ตามข้อเรียกร้องของทางสกน. ไปก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำสั่งทางนโยบายจากระดับกรมและกระทรวง ในฐานะหน่วยงานระดับจังหวัดไม่อาจสามารถหลีกเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งได้ มิฉะนั้นอาจมีความผิดทางอาญามาตรา 157 โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงอยากให้ทางชุมชนเข้าใจในส่วนนี้ด้วย
“การตรวจสอบว่าเป็นแปลงบุกรุกหรือที่ทำกินดั้งเดิม เรามีกระบวนการที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมอยู่แล้ว ถ้าทางชุมชนหรือผู้นำชุมชนสามารถรับรองได้ว่าเป็นพื้นที่ทำกินเดิมจริง ก็โอเค เราไม่มีการเข้าไปแบบกองโจร เราอยากให้ท่าทีระหว่างชาวบ้านกับป่าไม้มีความเป็นมิตรด้วยซ้ำ ในเบื้องต้น เราจะชะลอการตรวจสอบไปก่อนตามที่ท่านบอกว่าจะรอคำตอบจากทางกระทรวงทรัพยากรฯ” ประสิทธิ์กล่าว
ชนาธิป เสมแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ประเด็นเรื่องที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติเป็นประเด็นที่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลากหลายมิติ ดังนั้น ควรมีการประชุมหารือร่วมกันอย่างเป็นทางการ ทั้งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ฝ่ายปกครอง ฝ่ายท้องที่ท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางและมาตรการในการดำเนินการร่วมกัน จึงอยากให้ชุมชนอดทนรอคอยกระบวนการหารือในระดับนโยบาย อย่างกรณีการทำไร่หมุนเวียน ถ้าชุมชนยืนยันว่าเป็นที่ทำกินดั้งเดิม ก็ต้องมีการพูดคุยกันให้ชัดเจน
“อยากให้ทางพี่น้องใจเย็น และอดทนรอสักหน่อย เพราะเป็นเรื่องจากคำสั่งในระดับนโยบาย ส่วนข้อร้องเรียนของพี่น้องในวันนี้จะเสนอไปยังผู้ว่าฯ และรายงานไปยังกระทรวงทรัพยากรฯ รวมถึงคณะทำงานแก้ไขปัญหาของภาคประชาชนด้วย เอาให้ครอบคลุมหลาย ๆ ทาง” ชนาธิปกล่าว
จรัสศรี จันทร์อ้าย กรรมการบริหารสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ได้สอบถามถึงประเด็นชุมชนบ้านขุนอ้อนพัฒนาที่ขณะนี้ชุมชนมีความกังวลใจว่า แปลงไร่หมุนเวียนที่เตรียมจะหยอดข้าวในฤดูกาลนี้ จะยังสามารถทำกินได้ตามปกติหรือไม่ ทางประสิทธิ์ ผอ.สจป.3 ลำปาง ชี้แจงว่า ภายในวันพรุ่งนี้จะประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหารือถึงแนวทางในการปฏิบัติการในพื้นที่ หากได้รูปแบบแนวทางที่ชัดเจนและเหมาะสมแล้ว จะให้ทางหน่วยงานเข้าไปชี้แจงในพื้นที่เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้าใจร่วมกันต่อไป
ผลการเจรจาในครั้งนี้ ทางสกน.ชี้แจงว่า ยังไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เท่าไรนัก หากพิจารณาจากข้อเรียกร้องทั้งสามข้อ อาจกล่าวได้ว่ามีเพียงข้อเรียกร้องข้อแรกที่เสนอให้ยุติการดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่ที่ทางผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง ชี้แจงได้ในระดับหนึ่งว่าจะมีคำสั่งในระดับจังหวัดให้ชะลอการดำเนินการไปก่อน ซึ่งก็ยังไม่เป็นไปตามความประสงค์ของชุมชนที่ต้องการให้ยุติการดำเนินการ ไม่ใช่เพียงแค่การชะลอเท่านั้น ส่วนข้อเรียกร้องที่เหลือทางสกน.เห็นว่า ยังไม่ได้รับการชี้แจงหรือยืนยันจากทางหน่วยงานแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้ คาดว่าจะมีแผนการยกระดับการเคลื่อนไหวจากระดับจังหวัดไปสู่ระดับประเทศ เพื่อกดดันให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งการเปิดประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
![สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท](https://img.pct.fyi/uploads/big/50cd36632778858506956587c3cd91f7.png)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)