“กลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์” แสดงจุดยืนเรียกร้องสหรัฐฯ ยุติการส่งเงินและอาวุธสงครามให้อิสราเอล กระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์และเด็กๆ ในสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ พร้อมตั้งคำถามต่อทางการไทยที่ยังคงส่งคนไทยไปทำงานที่อิสราเอลทั้งที่ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต

1 ก.ค. 2567 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. กลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์ (chiangmai for palestine) พร้อมด้วยองค์กรสังคมนิยมแรงงาน และประชาชนที่สนใจร่วมแสดงจุดยืนในนามประชาชนที่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่เรียกร้องต่อสหรัฐอเมริกา ที่บริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกายุติการสนับสนุนทางการทหารและการค้าอาวุธสงครามกับอิสราเอล เพื่อยับยั้งและยุติความรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์และเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม

เวลาประมาณ 17.30 น. กลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์และประชาชนที่มาร่วมงานได้เดินขบวนจากหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาไปยังลานประตูท่าแพ เพื่อทำกิจกรรมรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและความรุนแรงที่อิสราเอลกระทำต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวจัดกิจกรรมต่อต้านสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เป็นครั้งที่ 3 แล้วของกลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์

ปุณยนุช มหารักษิต ตัวแทนกลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ตนเองทราบว่าสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเชียงใหม่ ตอนนี้ในเชียงใหม่มีกงสุลสหรัฐฯ ตั้งอยู่ถึง 2 แต่ว่าความสัมพันธ์ที่ดีไม่ได้มีแค่ด้านดีด้านเดียว การที่สหรัฐฯ ส่งเงินหลักพันล้านบาทในการสนับสนุนอาวุธสงครามให้อิสราเอล โดยเพิ่งมีการอนุมัติเงินงบประมาณและเครื่องบินรบเพื่อเอาไปสนับสนุนอิสราเอลในจุดนี้ ตนเองและทางกลุ่มจึงต้องการออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนการทำสงครามของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ตัวแทนจากองค์กรสังคมนิยมแรงงานยังได้ตั้งคำถามถึงประเด็นที่ทางการไทยยังคงมีการส่งคนไทยไปทำงานที่อิสราเอลทั้งที่อยู่ในสภาพที่ไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ทำไมรัฐบาลถึงยังคงสนับสนุนให้คนไทยไปทำงานอิสราเอล ถือเป็นความสัมพันธ์ระดับประเทศที่ไม่ได้เป็นผลดีต่อคนไทยเลย

“ในฐานะคนที่อยู่เชียงใหม่ ระดับระหว่างประเทศเราแสดงจุดยืนว่าเราไม่สนับสนุนการนำอาวุธสงครามที่สุดท้ายแล้วจะไปลงที่ประชาชนคนธรรมดากับเด็กๆ ส่วนในฐานะคนไทยเราไม่สนับสนุนการสร้างความสัมพันธ์กับอิสราเอลในหลายๆ แง่มุม โดยเฉพาะเรื่องการส่งคนไทยไปตกระกำลำบากในความไม่แน่นอน ความปลอดภัยของคนไทยในอิสราเอล” ปุณยนุช กล่าว

โดยทางกลุ่มเชียงใหม่เพื่อปาเลสไตน์มีแผนจะพยายามจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ทุกเดือน จนกว่าจะมีการหยุดยิงอย่างถาวร เนื่องจากทางกลุ่มมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงในปาเลสไตน์ขณะนี้ย่ำแย่มาก การโจมตีพื้นที่ราฟาห์ของอิสราเอลเกินความคาดหมายของมนุษยชาติไปแล้วและสร้างความสูญเสียอย่างมากต่อชีวิตผู้คน ซึ่งการยุติการสนับสนุนการส่งอาวุธสงครามและตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นทางออกหนึ่งอาจจะช่วยให้สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ จบลงได้

ทั้งนี้ ระหว่างการทำกิจกรรมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบตามสังเกตการณ์และถ่ายรูปผู้ร่วมกิจกรรมตลอดทั้งงานตั้งแต่หน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาจนถึงลานท่าแพ