Skip to main content
sharethis

รัฐบาลทหารพม่าสั่งแบน VPNs บางส่วนที่ประชาชนมักจะใช้ในการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตเพราะเว็บต่างๆ ถูกปิดกั้นหลังรัฐประหารครั้งล่าสุด นอกจากนี้การบล็อก VPN ยังจะส่งผลถึงการสื่อสาร-ประสานงานของฝ่ายต่อต้านด้วย เรื่องนี้เป็นการลิดรอนสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน แต่ขณะเดียวกันกลุ่มด้านสิทธิดิจิทัลก็มองว่าประชาชนหาช่องทางอื่น ๆ ได้ ในการสื่อสารกัน


ที่มาภาพประกอบ: Pixabay/StefanCoders 

ก่อนหน้านี้ กองทัพเผด็จการพม่าทำการบล็อกเฟสบุคและแอพพลิเคชั่นส่งข้อความอื่นๆ หลังจากที่ทำรัฐประหาร 2565 เพื่อที่จะจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการสื่อสาร ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นภัยต่อการยึดกุมอำนาจของพวกเขา

ประชาชนชาวพม่าถึงได้หันมาใช้ VPNs หรือ "เครือข่ายส่วนตัวเสมือน" ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ฟรีหรือรุ่นที่จ่ายเงิน เพื่อให้พวกเขาฝ่าการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตของกองทัพพม่าได้

อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานนี้ กองทัพพม่าก็ได้สั่งแบน VPN ในประเทศไปด้วย ผู้คนในพม่าต่างก็พูดถึงความยากลำบากในการเข้าถึงเฟสบุคและโซเชียลมีเดียอื่นๆ

Ma Wai Phyo Myint นักวิเคราะห์นโยบายเอเชียแปซิฟิกจากองค์กรแอคเซสนาวที่ส่งเสริมเรื่องสิทธิดิจิทัลทั่วโลกกล่าวว่า การแบน VPN ในพม่านั้นจะส่งผลต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนพม่าและส่งผลต่อความสามารถของกลุ่มต่อต้านในการประสานงานในด้านต่างๆ

Ma Wai Phyo Myint ยังได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่ออิระวดีในเรื่องการแบน VPN เอาไว้อีกดังนี้

คำถาม : ประชาชนพม่าพูดถึงเรื่องความยากลำบากในการเข้าถึง VPNs ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

Ma Wai : กองทัพเผด็จการได้ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์, เฟสบุค, WhatsApp และ พื้นที่ส่งข้อความอื่นๆ ในปี 2564 และในปี 2565 พวกเขาก็ใช้การขึ้นบัญชีดำหรือบัญชีขาว ในการจัดการบัญชีรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ ที่พวกเขาต้องการปิดกั้นโดยส่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือผู้ให้บริการโทรคมนาคม

ในครั้งนี้ต่างกันออกไป พวกเขาข้ามขั้นตอนผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไปเลย แล้วก็หันไปควบคุมอินเทอร์เน็ตจากเมืองหลวงเนปิดอว์โดยตรง พวกเรากำลังรอดูว่ากองทัพเผด็จการจะทำการติดตั้งไฟร์วอลปิดกั้อินเทอร์เน็ตแบบจีนเมื่อไหร่

คำถาม : ผู้คนบอกว่าพวกเขาไม่สามารถใช้ VPNs บางตัวได้ หมายถึงตัวไหน?

Ma Wai : องค์กรท้องถิ่นกำลังตรวจเช็คเรื่องนี้อยู่ มี VPNs บางตัวที่ยังคงใช้การได้ องค์กรท้องถิ่นบอกว่าทางกองทัพพม่าได้ระบุรายชื่อเซอร์เวอร์ VPNs ในช่วงปลายปี 2566 และต้นปี 2567 พวกเขาได้บล็อก VPNs ที่ผู้คนใช้งานเป็นจำนวนมากอย่าง Psipohn ซึ่งรวมถึงเวอร์ชั่นจ่ายเงิน (และเวอร์ชันฟรี)

เป้าหมายของการใช้งาน VPNs คือการทำให้ประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตและสถานที่ไม่สามารถติดตามได้โดยกองทัพและองค์กรรัฐบาล ข้อมูลของคุณจะไม่ปลอดภัยเว้นแต่ว่าคุณจะใช้ VPNs ที่ปลอดภัย ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วทำไมพวกเขายังไม่บล็อก VPNs ที่มีอยู่ในวงกกว้างล่ะ อาจจะเพราะว่าพวกเขาอยากจะต้องการติดตามสอดแนมอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง

คำถาม : ประชาชนในจีนยังคงสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกแบนได้ถึงแม้ว่าจะมีการแบน VPN มันมีวิธีไหนหรือเปล่าที่ฝ่าการจำกัด VPN ในพม่าได้?

Ma Wai : เรื่องนี้เป็นเรื่องทางเทคนิค แล้วพวกเราก็ยังคงหาคำตอบอยู่ว่ากองทัพพม่ากำลังทำอะไร จากนั้นแล้วพวกเราก็จะพูดคุยกับผู้ให้บริการ VPN เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าพวกเขาจะสามารถช่วยคืนการเข้าถึง VPN ในพม่าได้อย่างไร ทั้งองค์กรท้องถิ่นและผู้ให้บริการ VPN ต่างก็ยังไม่สามารถให้คำอธิบายในรายละเอียดได้ในตอนนี้

คำถาม : ทำไมเผด็จการทหารถึงแบน VPNs?

Ma Wai : โดยหลักๆ แล้วคือพวกเขาต้องการที่จะจำกัดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน  นับตั้งแต่รัฐประหารเป็นต้นมา พวกเขาก็ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อที่จะจำกัดการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร พวกเขาออกมาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการวิพากษ์วิจารณ์ที่แพร่หลายไปทั่วบนเว็บไซต์และ(หน้าเพจโซเชียลมีเดีย)ของสื่อ พวกเขาจำกัดการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพพม่า และความพยายามในการต่อต้านฝ่ายรัฐประหาร พวกเขาทำการควบคุมหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จงใจปล่อยให้ยังคงใช้งาน VPNs ได้เพื่อที่พวกเขาจะได้คอยสอดแนมและเก็บรวบรวมข้อมูล(เกี่ยวกับกิจกรรมต่อต้านเผด็จการ) อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเริ่มสูญเสียการควบคุม ถึงแม้ว่าจะมีการจำกัดบนพื้นที่อินเทอร์เน็ต ผู้คนก็ยังคงสามารถแชร์ข้อมูลผ่านทางช่องทางสื่อสารช่องทางเลือกอื่นๆ ได้

ฝ่ายเผด็จการได้ทำการข่มขู่คุกคามและจับกุมเพื่อสร้างความหวาดกลัว แต่ประชาชนก็ยังคงหาทางสื่อสารได้ เมื่อพวกเขาไม่สามารถจำกัดการไหลเวียนของข้อมูลได้ ฝ่ายเผด็จการก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีการปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้คนไม่สามารถรับรู้ข้อมูลได้

การแบน VPN จะส่งผลต่อเผด็จการทหารเองด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะมีช่องทางอื่นๆ ในการสื่อสาร การแบนก็จะส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจและกลไกการสอดแนม ถึงแม้ว่าการแบนจะวางเป้าหมายเล่นงานประชาชนก็ตาม แต่ฝ่ายเผด็จการก็ต้องเผชิญกับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นแล้ว การที่ฝ่ายเผด็จการต้องถึงขั้นหันมาใช้วิธีการนี้แสดงให้เห็นว่าพวกนั้นก็กำลังล้มเหลว

คำถาม : มีวิธีอื่นๆ ไหมที่ผู้คนสามารถใช้แชร์ข้อมูลข่าวสารได้?

Ma Wai : พวกเราได้ยินว่าการใช้งานเฟสบุคลดลงมากเนื่องจากปัญหา VPN เผด็จการทหารสามารถจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารสำหรับประชาชนได้ การแบน VPN ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนัก

ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ขนาดรัฐบาลจีนก็ยังไม่สามารถแบน VPNs อย่างสิ้นเชิงได้ ประชาชนยังคงสามารถเปลี่ยนไปใช้ VPNs อื่น และรัฐบาลก็ไม่สามารถบล็อกเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดได้ การบล็อกจะส่งผลกระทบส่วนหนึ่ง แต่ผู้คนจะยังคงสามารถหาวิธีการใหม่ๆ ในการหลบเลี่ยงการแบน VPN ได้เรื่อยๆ

มันเป็นเรื่องที่ราคาแพงมากในการสร้างไฟร์วอลล์ปิดกั้นอินเทอร์เน็ต กองทัพพม่าไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะจัดทำไฟร์วอลล์ในระยะยาวได้ ประชาชนไม่ควรจะประมาทในเรื่องที่ว่ากองทัพพม่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ควรจะตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวที่ไม่ได้รับประกันว่าจริง กองทัพพม่าไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้

กองกำลังฝ่ายต่อต้านกำลังอาศัยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้ถูกควบคุมหรือมีส่วนเกี่ยวพันกับกองทัพเผด็จการ พวกเขากำลังพยายามใช้โทรศัพท์ดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ซึ่งกลายเป็นเรื่องเข้าถึงได้ทั้งในทางเทคนิคและในทางการเงิน ฝ่ายเผด็จการไม่สามารถปิดกั้นช่องทางได้ทั้งหมด

คำถาม : กองทัพเผด็จการพยายามโปรโมทแอพโซเชียลมีเดียชื่อ MySpace มันไปถึงไหนแล้ว?

Ma Wai : ก่อนหน้านี้กองทัพพม่าพยายามสร้างแอพใหม่เพื่อให้มาแทนที่ยูทูบและเฟสบุค ไม่มีที่เป็นโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะ MySpace หรือแอพอะไรก็ตาม ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ผู้คนต้องให้การยอมรับมัน ผู้คนทำการบอยคอตต์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับกองทัพพม่าอยู่แล้ว แล้วพวกเขาก็รู้ว่ามีเทคโนโลยีที่ทำโดยกองทัพที่มีจุดประสงค์ไว้สอดแนมประชาชน ดังนั้นแล้วมันจึงมีโอกาสน้อยมากที่แอพใดๆ ก็ตามที่สร้างโดยเผด็จการทหารจะประสบความสำเร็จ

แต่พวกเราก็เรียกร้องให้แอปเปิลสโตร์และกูเกิลเพลย์สโตร์ยุติการจำหน่ายแอพเหล่านี้ที่มาจากกองทัพเผด็จการ พวกเราจะต้องผลักดันบริษัทต่างประเทศต่อไปไม่ให้ยอมรับแอพพวกนี้ในพื้นที่ของพวกเขา

คำถาม : คุณอยากจะพูดอะไรเพิ่มอีกไหม?

Ma Wai : ก่อนหน้านี้จีนเคยเป็นประเทศเดียวที่แบนการใช้ VPNs มาโดยตลอด ดังนั้นสถานการณ์ถึงค่อนข้างร้ายแรงอยู่ (กับการที่พม่ากลายเป็นประเทศที่แบน VPNs ด้วย) เราได้เรียกร้องให้องค์กรนานาชาติและรัฐบาลให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อเรื่องนี้ และขอให้จัดหาเทคโนโลยีและทรัพยากรเพื่อให้ผู้คนในพม่าสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการติดตามสถานการณ์ทางการทหารได้ และเพื่อให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านสามารถใช้ช่องทางการสื่อสารที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยกองทัพเผด็จการพม่าได้

พวกเราได้แจ้งเตือนประชาคมโลกเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า เผด็จการทหารจะทำเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้มีการตอบกลับหรือการเตรียมการแต่อย่างใด พวกเรายังคงผลักดันต่อไปให้มีการช่วยเหลือจากนานาชาติในเรื่องที่เร่งด่วนเช่นนี้


เรียบเรียงจาก
War on Citizens: How Junta’s VPN Ban is Strangling Communication in Myanmar, The Irrawaddy, 13-06-2024
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net