Skip to main content
sharethis

'สุริยะ' ยันค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสี ทุกเส้นทาง 20 บาทมาแน่ภายในเดือน ก.ย. 2568 พร้อมขยายโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทสายสีม่วง และสีแดง ที่จะครบกำหนด 30 พ.ย.  

 

17 ต.ค. 2567 เว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ รายงานวานนี้ (16 ต.ค.) สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งปัจจุบันทำได้เฉพาะสายสีม่วง ‘เตาปูน-คลองบางไผ่’ และโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ‘ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน’ โดยได้รับผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดีนั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่านโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะใช้ได้ในโครงการรถไฟฟ้าทุกสี ทุกสาย และทุกเส้นทางภายในเดือน ก.ย. 2568 ตามที่เคยประกาศอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่ออายุมาตรการนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่จะครบในวันที่ 30 พ.ย. 2567 อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในสมัยการประชุมช่วงเดือน ธ.ค. 2567 โดยเมื่อ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว จะมีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อจัดหาเงินทุนมาสนับสนุนนโยบาย อาทิ ส่วนแบ่งรายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน และงบประมาณ

สุริยะ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เตรียมร่วมกันศึกษาแนวทางการดำเนินการนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า โดยการระดมทุนจากนักลงทุนระยะเวลา 30 ปี วงเงินประมาณ 200,000 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อคืนสัมปทานในโครงการรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ถูกลงและเป็นธรรม เข้าถึงได้ง่ายด้วย

นอกจากนี้ จะดำเนินการศึกษาเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) เพื่อนำเงินเข้ากองทุน และอาจจะพิจารณานำไปเป็นดอกเบี้ย (ผลตอบแทน) ให้กับผู้ระดมทุน โดยจะดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนสีลม และถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น ซึ่งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นรูปแบบที่ได้ดำเนินการในต่างประเทศ และประสบผลสำเร็จ อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวนั้นจะช่วยให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะโดยรถไฟฟ้ามากขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยแก้ปัญหามลพิษและฝุ่นละออง PM 2.5 ด้วย อย่างไรก็ตาม เตรียมว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อพิจารณาพื้นที่การจัดเก็บค่าธรรมเนียม, รวมทั้งพิจารณางบประมาณที่จะซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าในแต่ละเส้นทาง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในกลางปี 2568 

สำหรับการคาดการณ์แนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดเบื้องต้นนั้นมีแนวทางจะเริ่มจัดเก็บในระยะ 5 ปีแรกในอัตรา 40-50 บาท และในช่วง 5 ปีถัดไปจะทยอยเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในขณะนั้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในพื้นที่ที่กำหนดได้วันละประมาณ 700,000 คัน หรือประมาณ 35 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำมาสนับสนุนการซื้อคืนสัมปทานด้วยเช่นกัน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net