Skip to main content
sharethis

( เว็ปไซด์กรุงเทพธุรกิจ
วันนี้ (22 ก.พ.) รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ถึงการตามเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เยี่ยมราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา และเนื่องจากมีผู้อ้างถึงเป็นจำนวนมาก "ประชาไท" ขอนำคำสัมภาษณ์มาเสนอเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้ง )
………………………………………………………………….
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มีพระประสงค์รับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิดกับประชาชน ทั้งไทยมุสลิมและไทยพุทธที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งพระองค์ทรงห่วงใยและอยากเห็นพี่น้องไทยมุสลิม และไทยพุทธ อยู่อย่างปลอดภัย หลังจากที่เดินทางกลับมา ผู้นำชุมชน และผู้นำศาสนา หลายท่านก็แจ้งว่าพี่น้องส่วนใหญ่ มีกำลังใจและรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงพระกรุณาห่วงใยประชาชนทุกคน

ในส่วนของไทยมุสลิมก็มีทั้งผู้แทนจากทุกหมู่บ้าน ตำบล และ ผู้นำศาสนาเข้าเฝ้าทั้งหมด จากการรับฟังปัญหาได้รับทราบว่าสิ่งที่พวกเขาติดใจมากที่สุด คือ การที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานกัดกร่อนความรู้สึกจนอาจกลายเป็นแผลเรื้อรัง หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการเยียวยาก็จะกลายเป็นเนื้อร้าย จนยากที่เราจะรักษาให้หายได้

"ประเทศไทยเราเคยเกิดเรื่องอย่างนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้กำลังจะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกที่เกิดขบวนการคอมมิวนิสต์ขึ้นในประเทศไทยใน เพราะคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพี่น้องที่ยากจนในภาคอีสานของเราไม่ได้รับความเป็นธรรม พูดง่ายๆ คือ มีความอยุติธรรมเกิดขึ้นในบ้านเมือง จนกลายเป็นเงื่อนไขทำให้เกิดคอมมิวนิสต์ขึ้นมา"

ตอนนี้ก็คล้ายกันตรงที่เหตุที่ทำให้เกิดปัญหาคือ ความไม่เป็นธรรม ที่ได้รับฟังจากชาวไทยมุสลิมในหลายๆ เรื่อง เช่น กรณีการจับอุสตาซไปดำเนินคดีตามกฎหมายได้ แต่ขณะเดียวกันกลับไม่มีการลงโทษผู้ที่กระทำผิดในการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจาก สภ.อ.ตากใบไปสอบสวนจนเกิดมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หรือ กรณีของทนาย สมชาย นีละไพจิตร ที่เขาช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมไว้มาก แต่ตอนนี้เรื่องไปถึงไหน มีการลงโทษผู้กระทำผิดหรือไม่ ยังไม่มีความคืบหน้า เรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาสะท้อนให้ฟัง

สิ่งที่ชาวบ้านได้เล่าให้ฟังคือ ไม่พอใจนโยบายของรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่พอใจรัฐบาล ซึ่งไม่ขอพูดในรายละเอียด แต่นโยบายคือ สิ่งที่มีการประกาศออกไปเพื่อที่จะนำไปปฏิบัติ ส่วนตัวไม่มีความเห็นในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร

เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามความเห็นกรณีของการแบ่งโซนพื้นที่เป็นสามสี พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตอนที่ตามเสด็จลงไปยังไม่มีการประกาศ ตนพูดได้แค่ว่าตอนที่รับราชการในตำแหน่งผู้นำกองทัพ ก็เคยมีการแบ่งพื้นที่ลักษณะเช่นนี้ แต่เป็นการแบ่งทางยุทธวิธีเพื่อให้สะดวกในการรักษาความสงบเรียบ ร้อย แต่ไม่เคยมีการนำมาพูดกันเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก จะทำให้คิดไปได้ว่าไปแบ่งแยก หรือ แบ่งเขา แบ่งเรา หากเอาไปทำอย่างอื่นอีก ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเหมือนเป็นการเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ

ประชาไทรายงาน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net