น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.
ข้อ1 กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และสำนักงานข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. มิให้ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ข้อ2 ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมขึ้น หรือ ก.พ.ค. เป็นองค์กรคู่กับ ก.พ. ทำหน้าที่ตรวจสอบดูแลการบริหารทรัพยากรบุคคลของ ก.พ. และให้ส่วนราชการและผู้บังคับบัญชาเป็นไปตามระบบคุณธรรม ก็คือต่อไปนี้ ก.พ.จะดูแลในเรื่องของยุทธศาสตร์ ส่วน ก.พ.ค.ก็จะทำหน้าที่เรื่องการรับเรื่องราวร้องทุกข์
ข้อ3 เพิ่มประเภทข้าราชการพลเรือนวิสามัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการสรรหาบุคคลที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนมาทำหน้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง
ข้อ 4 มีการปรับปรุงระบบตำแหน่งและประเภทตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญให้เหมาะสมกับลักษณะของงานเพื่อจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม โดยจะมีการยกเลิกระบบซี และจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มแทน กลุ่มแรก บริหาร กลุ่มสอง อำนวยการ กลุ่มสาม บริการ กลุ่มสี่ ทั่วไป
ข้อ 5 ให้มีกระบวนการสรรหาบุคคลในระบบเปิด เพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และเพื่อแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งในบางกรณี ลำดับที่ 6 มีการกระจายอำนาจบริหารทรัพยากรบุคคลให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดดำเนินการมากยิ่งขึ้น ลำดับที่ 7 ให้ปรับปรุงระบบวินัย อุทธรณ์ และร้องทุกข์ โดยเพิ่มประสิทธิภาพและการบริหารจัดการเรื่องวินัย การกระจายอำนาจให้ อกพ. กระทรวง และปรับปรุงกระบวนการดำเนินการทางวินัยให้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นี่เป็นเรื่องของการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)