นายอ่อง โท ประธานคณะกรรมการจัดการลงประชามติของพม่า แถลงทางสถานีวิทยุของรัฐบาลเมื่อวานนี้ ว่า ชาวพม่าร้อยละ 92.4% หรือ 20,786,596 คนลงมติรับรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการลงประชามติที่จัดขึ้นทั่วประเทศเมื่อ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ภาพจากสถานีโทรทัศน์ MRTV ของรัฐบาลทหารพม่า เป็นภาพของพลเอกอาวุโสตานฉ่วย ประธาน SPDC ไปลงประชามติที่กรุงเนปยิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า เมื่อ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: mizzima)
วานนี้ (15 พ.ค.) สำนักข่าวมิซซิมา (www.mizzima.com) ซึ่งเป็นสื่อพม่าอิสระมีสำนักงานอยู่ในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย รายงานว่านายอ่อง โท ประธานคณะกรรมการจัดการลงประชามติของพม่า แถลงทางสถานีวิทยุของรัฐบาลว่า ชาวพม่าร้อยละ 92.4% หรือ 20,786,596 คนจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ 22 ล้านคน ได้ลงมติรับรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการลงประชามติที่จัดขึ้นทั่วประเทศเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
นายอ่อง โทยังกล่าวด้วยว่ามีประชาชนราว 1.3 ล้านคนที่ลงมติคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่อีก 334,584 คนไม่ออกเสียง โดยเขายังระบุว่ามีประชาชนออกมาลงประชามติถึงร้อยละ 99.07
โดยผลการลงประชามติดังกล่าวเป็นการนับคะแนนเฉพาะ 278 อำเภอจาก 325 อำเภอทั่วประเทศ โดยอีก 47 อำเภอที่เหลือในเขตอิระวดีและบางส่วนของเขตย่างกุ้งมีการเลื่อนการลงประชามติไปเป็นวันที่ 24 พฤษภาคมเนื่องจากเป็นพื้นที่ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิส
สำนักข่าวมิซซิมายังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างวิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นแผนการของรัฐบาลทหารที่ต้องการกุมอำนาจทางการเมืองต่อไป โดยร่างรัฐธรรมนูญกำหนดโควตาให้กองทัพสามารถแต่งตั้งสมาชิกในสภาได้ร้อยละ 25 ขณะที่รัฐบาลทหารเองระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการถ่ายโอนอำนาจสู่รัฐบาลพลเรือน โดยรัฐบาลทหารพม่าระบุว่าจะจัดการเลือกตั้งในปี 2553 หรืออีกสองปีข้างหน้า
นักวิเคราะห์ยังเห็นว่าบรรยากาศการลงประชามติยังห่างไกลจากบรรยากาศเสรีและยุติธรรม รัฐบาลทหารควรได้รับการตำหนิอันเนื่องมาจากพวกเขาดึงดันเดินหน้าจัดการลงประชามติในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ในขณะที่หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายจากพายุไซโคลนาร์กีสที่ถล่มพม่าเมื่อ 2-3 พ.ค. ที่ผ่านมา
ผู้ลงประชามติคนหนึ่งในเขตย่างกุ้งกล่าวว่าผลการลงประชามติไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชนเพราะรัฐบาลทหารบังคับประชาชนให้ลงคะแนนรับรองรัฐธรรมนูญ
"ผลการลงประชามติบอกแค่ว่ารัฐบาลทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ มันไม่มีความชอบธรรม" ผู้ลงประชามติคนหนึ่งกล่าว
ที่มาของข่าว: