Skip to main content
sharethis


ส.ส. พรรคร่วม 60 คน ดันนายกฯออก ประกาศฉุกเฉิน


วันที่ 27 พ.ย. ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลราว 60 คน รวมตัวแถลงข่าวที่รัฐสภา หลังการประชุมสภาสมัยสามัญนัดสุดท้าย เรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และจัดการให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวาย


 



พร้อมกันส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีปลดผู้รับผิดชอบหากยังมีการเพิกเฉยที่จะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งระบุว่าหากเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายก็จะระดมประชาชนทั่วประเทศ เคลื่อนไหวโดยปราศจากอาวุธเพื่อต่อต้านการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ


 



ส.ส. 2 ขั้ว ปะทะคารมเดือด ประชุมสภานัดสุดท้ายกรุ่น


ส่วนการประชุมสภาสมัยสามัญ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ นายชัยได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือผลการประชุมของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม หรือ คตร.ที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นประธาน ซึ่งเสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยุติการชุมนุม เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้



 


ปรากฏว่า ในระหว่างที่เปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น บรรดาส.ส.ของพรรคพลังประชาชน อภิปรายโจมตีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและยึดที่ทำการทำเนียบรัฐบาล และไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของผบ.ทบ. เพราะสภาไม่มีความผิด และขอให้รัฐบาลใช้อำนาจบริหารตามกฎหมาย ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาด และยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินคืนจากกลุ่มผู้ชุมนุม


 



ขณะที่ด้านส.ส.ของพรรคประชาธิปปัตย์ อภิปรายเรียกร้องให้สมาชิกของสภา พิจารณาข้อเสนอของคตร.เนื่องจากเชื่อว่า เป็นหนทางนำไปสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง พร้อมกล่าวตำหนิว่าสภาชุดนี้ได้สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองมาตลอด เหมือนกับสภาทาส


 



นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่าไม่อยากเคารพการทำหน้าที่ของนายชัยรวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ก็ทำเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้กลับมาเป็นใหญ่


 



ผู้สื่อข่าวรายงานหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายของส.ส.ฝ่ายค้าน นายชัยกล่าวโต้ตอบด้วยความไม่พอใจว่าไม่ต้องมาเคารพตน เคารพบรรพบุรุษของท่านก็พอ จากนั้น บรรดาส.ส.ที่นั่งอยู่ในสภาเกิดการประท้วงกันวุ่นวาย โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคพลังประชาชน ประท้วงไม่ให้พูดพาดพิงถึงพ.ต.ท.ทักษิณ กับนายสมชาย ทำให้เกิดการตอบโต้กันอย่างดุเดือด


 



ขณะที่นายชัย กล่าวข้อร้องบรรดาสมาชิกพรรคว่า วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของการประชุม ขอความกรุณาอะไรผ่านไปได้ก็ขอให้ผ่านไป ถ้าต่างคนต่างขึ้นประท้วง จะลุกขึ้นบ้าง และถ้าลุกขึ้นจะอ่านพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมทันที วันนี้ตนเห็นว่าครม.คงไม่มาตอบกระทู้ถาม จึงเปิดโอกาสให้สมาชิกระบายกันอย่างเต็มที่ ในสิ่งที่อัดอั้น เพราะปิดประชุมแล้ว และถ้ายังมีสภาอยู่จะเปิดประชุมอีกครั้งในวันที่ 21 มกราคมปีหน้า


 



จากนั้นส.ส.ทั้ง 2 ฝ่าย มีท่าทีสงบลง แต่นพ.วรงค์ยืนยันไม่ถอนคำพูด ส่วนนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์  ประท้วงขอให้ถอนคำพูดที่พูดพาดพิงถึงผบ.ทบ.ทำให้นายศุภชัย ประท้วงว่า ถ้าไม่ถอนสภาก็ประชุมต่อไม่ได้ โดยนายชัยพยายามไกล่เกลี่ยและขอบิณฑบาต แต่ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน พยายามจะลุกขึ้นประท้วงทำให้นายชัย ต้องสั่งพักการประชุม 5 นาที


 



เมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง นายชัย ได้ตัดบท ขอปิดการหารือในเรื่องนี้และจะเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และยังต้องมีการพิจารณากฎหมายอีกหลายฉบับ ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว เพื่อส่งต่อให้ วุฒิสภา  พิจารณาต่อไป


 



ต่อมา นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์  ได้ขอหารือว่า วันนี้ประเทศเข้าสู่วิกฤติ แต่สภาไม่สามารถพูดเรื่องวิกฤติของประเทศได้ ส.ส.จะทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างไร และจะมีประโยชน์อะไร ประธานควรปล่อยให้มีการพูดเรื่องนี้ และเหตุการณ์ความวุ่นวายให้ถือว่าเป็นบรรยากาศเท่านั้น  ประธานมีหน้าที่ควบคุมการประชุมก็พอ และในช่วงนี้ไม่เห็นด้วยที่จะมาพูดปัญหาความเดือดร้อน เพียงแค่ถนนเส้นเดียวในประเทศ แต่วันนี้เราต้องพูดทางออกในประเทศ หากประธานไม่อนุญาตให้พูดต่อ หากเกิดอะไรขึ้นมา ประธานจะเป็นผู้เสียใจ


 



นายชัย  ได้ตัดบทให้ ส.ส.ใหม่ 3 คนได้แก่  นพ.บรรพต ต้นธีรวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์  นายชัยวัฒน์ กุลศักดิ์วิมล และนายเรวัต สิรินุกูล ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนได้ลุกขึ้นกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ก่อน


 



จากนั้น ร.ต.ท.เชาวริน ได้ประท้วง ว่า ประธานปฏิบัติ 2 มาตรฐาน เนื่องจากในการประชุมสภาวันที่13 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดการโต้เถียงและวุ่นวายเช่นเดียวกัน ซึ่งประธานให้ตนถอนคำพูดแต่ตนไม่ยอมถอน ทำให้ประธานสั่งให้ตนออกจากห้องประชุมทันที ดังนั้นหากประธานไม่ให้นพ.วรงค์ ออกจากห้องประชุม ก็อยากเรียกร้องให้ประธานแก้บันทึกการประชุมที่ไล่ตนออกจากห้องในวันดังกล่าวด้วย


 



นายชัย กล่าวว่า จะสั่งให้ลบชื่อออก เพราะไม่อยากให้มีชื่อในสภาฯเพราะเป็นตราบาป  วันนั้นสั่งให้ร.ต.ท.เชาวริน ออกจากห้องประชุม 10 นาที ก็นอนไม่หลับไป7วัน ถ้าจะให้น.พ.วรงค์ ออกนคงนอนไม่หลับ เพราะไม่มีใครมาฉีดยา  เพราะนพ.วรงค์เป็นหมอ


 



ทำให้นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี  พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคู่กรณีของ ร.ต.ท.เชาวิน ในวันที่13 พ.ย. ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยไม่ได้ขออนุญาตประธาน ทำให้นายชัย ตำหนิว่า "คุณต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเพราะเป็น ครูบาอาจารย์" และอนุญาตให้นายศุภชัยได้พูด ซึ่ง นายศุภชัยแย้งประธานว่า การที่จะลบรายงานการประชุมสภา จะใช้ข้อบังคับข้อไหน อยากทราบเพื่อนำไปสอนลูกศิษย์ ซึ่งนายชัยชี้แจงว่า ตอนนี้ ท่านเป็น ส.ส.ไม่ได้เป็นอาจารย์แล้ว ตนจะลบเทปการประชุม ทำให้นายศุภชัย ไม่พอใจ เพราะไม่ได้ลบรายงาน


 



ด้านร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า  เมื่อนพ.วรงค์ไม่ยอมถอน ก็อยากให้ดำเนินการในมาตรฐานเดียวกับตนคือให้ออกจากห้องประชุม  ซึ่งก่อนหน้านี้นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ก็โดนสั่งให้ออกจากห้องประชุมมาแล้ว แต่นพ.วรงค์ ชี้แจงว่า อยากให้ประธานได้ใช้สติ และนำทั้ง2 เหตุการณ์มาเปรียบเทียบกัน วันนั้นเป็นการพูดเท็จ แต่วันนี้ตนพูดความจริง ไม่ได้เสียดสี ใส่ร้ายใคร


 



นายศุภชัย  โพธิ์สุ  ส.ส.นครพนม ประท้วงว่าประธานดำเนินการตามข้อบังคับให้ออกจากห้องประชุม เพราะนพ.วรงค์ ยังยืนยันใส่ร้ายนายกรัฐมนตรีและประธานสภาอยู่


 



จากนั้น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับประธานที่จะใช้อำนาจลบรายงาน คนที่ผิดควรจะดำเนินการ ไม่เช่นนั้นต้องลบการประชุมตั้งแต่ปี 2475 หรือไม่



นายชัย จึงได้สั่งอีกครั้งให้ นพ.วรงค์ ถอนคำพูด และออกไปพักนอกห้องประชุม 5 นาที แต่นพ.วรงค์ไม่ยอม ออกจากห้องประชุมและถามกลับว่า "ผมผิดตรงไหน" ทำให้บรรยากาศยิ่งทวีความตรึงเครียดและวุ่นวายมากขึ้นส.ส.ประชาธิปัตย์จำนวนมากได้ลุกขึ้นยืนประท้วง โดยนายธนา ได้ประท้วงต่อ ทำให้นายชัย กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ในเมื่อยังดื้อ  ยังประท้วงขอให้ นายธนา ออกไปพักสมองอีก 5นาที แต่ทั้งนพ.วรงค์ และนายธนา ก็ยังยืนประท้วงไม่เลิก จนทำให้นายชัย ต้องสั่งให้ เจ้าหน้าที่ นำทั้ง2 คนออกจากห้อง



นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน  ตะโกนว่า ทำงานกันไม่ได้ ประธานลำเอียง ขณะที่นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์  ตะโกนว่า "ยุบเลยๆๆ ปิดประชุมไปเลย"


 



ปธ.ชิงอ่านพระบรมราชโอการปิดประชุม


ขณะที่บรรยากาศในห้องประชุมไม่มีสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลฟังคำสั่งของประธาน นายชัยได้สั่งให้รองเลขาธิการสภา ทำหน้าที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านพระบรมราชโองการปิดสมัยประชมุสภาสมัยนิติบัญญัติ ทันที ในเวลา12.15 น. ท่ามกลางความมึนงงขอสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุม รวมการประชุมในวันนี้เพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที


 



"ชัย" หลุดปาก "รัฐประหารก็ดี"


ทั้งนี้ ก่อนการประชุมสภาสมัยสามัญ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงข้อเสนอของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อแก้วิกฤติของประเทศในขณะนี้ ว่า รู้สึกเห็นใจผู้บัญชาการทหารบก เพราะทางนี้ก็พี่ ทางนั้นก็น้อง และเมื่อได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นคนติดตามสถานการณ์ และเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองระหว่างที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ จึงได้ระดมคนที่มีความรู้และไม่มีความรู้มาหารือ จึงได้คำตอบดังกล่าว


 


แต่ความจริงแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกควรที่จะมาปรึกษาหารือกับ ส.ส.และ ส.ว.เพราะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่หารือกับนักวิชาการ 1-2 คน คนที่ไม่เคยรับเลือกตั้ง คนที่ไม่เคยเป็นตัวแทนของประชาชนและได้รับอำนาจจากบารมีของผู้ที่ปฏิวัติรัฐประหารมา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่เคยเสียสละ เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว


 



นายชัย กล่าวว่า ในวันนี้สภาผู้แทนราษฎรจะหารือกันว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร โดยตนจะเสนอให้ขยายเวลาสมัยประชุมออกไปจากวันที่ 28 พ.ย. แม้มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมออกมาแล้ว ดังนั้นหากสภาฯ มีมติกันในวันนี้ ตนพร้อมที่จะดำเนินการ


 



ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ จะสามารถลงเอยกันได้ หากได้พูดจากัน แต่จะต้องมีผู้เสียสละ โดยนำทุกฝ่ายเข้ามา และแต่ละฝ่ายจะต้องไม่หยิบยกประเด็นปัญหาของตัวเองเป็นหลัก และต้องมีคนกลางที่เป็นกลางจริง ๆ มาประสาน และต่างฝ่ายต่างเสนอแนะแนวความคิดซึ่งกันและกัน โดยจะถอยกันได้หรือไม่


 



ส่วนที่มีการมองว่าหากหาทางออกของปัญหาไม่ได้คงต้องมีการรัฐประหารนั้น นายชัย กล่าวว่า ถ้ารัฐประหารเลยตนก็จะดีใจ อย่างไรก็ตาม การพูดเรื่องรัฐประหารดังกล่าวเป็นการพูดหลังจากสื่อได้ถอน ไมโครโฟนออกแล้ว แต่เมื่อมีการถามซ้ำ นายชัย จึงบ่ายเบี่ยง และบอกว่าพูดอะไรไม่ออก


 


 


 




เรียบเรียงจาก : โพสต์ทูเดย์ เดลินิวส์

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net