ศาลพิพากษาคดี ม112 - พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ของ อาเล็ก โชคดี ร่มพฤกษ์ ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร เหตุถ่ายทอดสดในช่องยูทูปขณะเล่นกีตาร์และร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” ขณะร่วมกิจกรรมเดินขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ 23 ส.ค. 65 โดยศาลพิพากษาว่า ผิด ม.112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำคุกรวม 1 ปี 12 เดือน และให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
13 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ค.67) เวลา 13.30 น. ศาลอาญานัดพิพากษาคดี ม112 - พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ของ อาเล็ก โชคดี ร่มพฤกษ์ ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร วัย 54 ปี จากเหตุถ่ายทอดสดในช่องยูทูปขณะเล่นกีตาร์และร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” ที่หน้า ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ขณะร่วมกิจกรรมเดินขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในโอกาส #8ปีประยุทธ์ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2565
โดยศาลพิพากษาว่า ผิด ม.112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ข้อหา ม.112 ให้จำคุก 3 ปี ส่วน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ให้จำคุก 1 ปี แต่ให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เนื่องจากรับสารภาพ คงเหลือจำคุกรวม 1 ปี 12 เดือน และให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
พิพากษาจำคุกอีก 1 ปี 12 เดือน “อาเล็ก” ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร #คดี112 คดีที่ 2 เหตุร้องเพลง ‘โชคดีที่มีคนไทย’ ใน #ม็อบ23สิงหา65 ก่อนให้รอลงอาญา
.
13 พ.ค. 2567 เวลา 13.30 น.ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีของ #อาเล็ก โชคดี ร่มพฤกษ์ ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร วัย 54 ปี… pic.twitter.com/xb7KD7RwJa— TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (@TLHR2014) May 13, 2024
รายงานข่าวจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุด้วยว่า ในคดีดังกล่าว พิเคราะห์จากรายงานการสืบเสาะและพินิจ พบว่าก่อนหน้านี้จำเลยถูกจับกุม 22 ครั้ง แต่เพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพเท่านั้น จำเลยไม่ได้เป็นผู้นำหลักในแนวความคิดต่อต้านสถาบันกษัตริย์
นอกจากนี้ แพทย์ได้ให้ความเห็นว่าการมองเห็นของจำเลยอยู่ในระดับตาบอดถาวรทั้งสองข้าง อีกทั้งปัจจุบันจำเลยได้สำนึกแล้วว่าเป็นการกระทำที่มิบังควร และสำนึกความผิดของตน จะขอกลับตัวเป็นพลเมืองดี ยึดมั่นและเทินทูนประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อีกทั้งให้คำมั่นสัญญาและสาบานตนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำเช่นเดียวกับคดีนี้ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยหลงผิดในชั่วขณะ และเข้าใจถ่องแท้ภายหลัง ไม่ได้หวนไปทำความผิดซ้ำอีก
นอกจากนี้จำเลยทำความดีต่อสังคมมาก่อน ประกอบกับนิสัยและความประพฤติอื่นไม่พบข้อเสื่อมเสียที่ร้ายแรงประการอื่นใด เห็นว่าควรให้โอกาสจำเลยโดยนำวิธีการคุมประพฤติจะเป็นคุณต่อสังคมโดยรวมและจำเลยมากกว่าการจำคุก โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน และให้ทำกิจกรรมบริการสาธารณะไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
กล่าวโดยสรุป ศาลพิพากษาให้จำคุก 4 ปี ก่อนลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่งเนื่องจากให้การรับสารภาพ คงจำคุกรวม 1 ปี 12 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี คุม และคุมความประพฤติ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน และให้ทำกิจกรรมบริการสาธารณะไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
ผู้พิพากษาในคดีนี้คือ วรวัลคุ์ ชาญสตบุตร บังกันต์ และอำนาจ อาดำ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)