รายงาน:ส่วยหาดใหญ่ก่อนหายไปกับน้ำ? โต๊ะบอล–บ่อน–ซ่อง–ของเถื่อนๆ

ส่วยหาดใหญ่ก่อนหายไปกับน้ำ? ทั้ง โต๊ะบอล บ่อน ซ่องและของเถื่อนๆ กับเรื่องราวของ ศิริโชค โสภาและพล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร

 

 

 
เรื่องราวหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ก่อนภัยน้ำท่วมในเมืองหาดใหญ่ จะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างไปจนราบเรียบ คือเรื่องราวของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ต้องถูกเด้งเข้ากรุไป
สิ่งที่น่าสนใจกว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร คือ หาดใหญ่กลายเป็นแหล่งหากินใหญ่ที่ใครได้ประโยชน์ก็ย่อมต้องหวงและห่วงเป็นธรรมดา ก่อนที่จะมลายไปกับสายน้ำ
เพราะการจับกุมโต๊ะบอล กลางเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2553 ตามมาด้วยการจับกุมบ่อนการพนันรายใหญ่ในตัวเมืองหาดใหญ่ตามมาอีกหลายครั้ง ของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมขณะนั้น
นอกจากจะส่งผลให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สั่งย้าย พ.ต.อ.จีรวัฒน์ พยุงธรรม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ไปช่วยราชการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ปล่อยปละละเลยให้เปิดบ่อนการพนันในท้องที่ความรับผิดชอบหรือไม่แล้ว
ยังส่งผลสะเทือนไปถึงวงการโต๊ะบอล บ่อนการพนัน ไปจนถึงหวยเถื่อนในพื้นที่อย่างกว้างขวางอีกด้วย
ถึงกระนั้นก็หาได้กระทบต่อเส้นทางเม็ดเงินจากส่วยการพนัน ที่สะพัดหล่นไปตามรายทางจากท้องที่สู่กองบังคับการ สู่กองบัญชาการ ไปจนถึงส่วนกลางแต่อย่างใดไม่
ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ผู้มารักษาการณ์แทน พ.ต.อ.จีรวัฒน์ พยุงธรรม กลับเป็นตำรวจนอกพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในพื้นที่
เนื่องเพราะนายตำรวจที่ได้รับคำสั่งให้มารักษาการณ์ในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่คือ พ.ต.อ.สมศักดิ์ วรรณวรรค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ผู้มีอดีตเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสะเดา จังหวัดสงขลามาก่อนหน้านี้ แต่กลับมาในชื่อใหม่ยังไม่ค่อยคุ้นหูผู้คนว่า “พ.ต.อ.สุรนาถ วรรณวรรค”
พ.ต.อ.สมศักดิ์ วรรณวรรค ที่ใครต่อใครรับรู้กันว่าใกล้ชิดสนิทยิ่งกับนายศิริโชค โสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของสมญาวอลเปเปอร์ ผู้นิยมชมชอบยืนเรียงเคียงกายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
 
 

บ่อนสะเทือน
ผลสะเทือนต่อวงการพนันจากการจับกุมโต๊ะบอลและบ่อนการพนันในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ก็คือ คำเล่าลือกันปากต่อปากว่า ทั้งโต๊ะบอลและบ่อนการพนันในจังหวัดสงขลาทุกบ่อน ต่างประกาศปิดโต๊ะ ปิดบ่อน แปรสภาพจากบ่อนประจำไปเป็นบ่อนวิ่ง เปลี่ยนจากแทงพนันบอลอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งมาเป็นลับๆ ล่อๆ เหลียวซ้ายแลขวา หรือไม่ก็หันไปรับแทงทางโทรศัพท์ หรือเล่นทางอินเตอร์เน็ตแทน
สภาพนั่งเชียร์ทีมโปรดไปด้วย เล่นการพนันไปด้วย หมดไปแทบจะสิ้นเชิง นับว่าบรรยากาศแตกต่างไปจากอดีตชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า
ทว่า นั่นเป็นแค่ปรากฏการณ์ที่เห็นกับตา เนื่องเพราะข้อเท็จจริงลึกลงไปตรงจุดที่สายตามองไม่เห็น กลับปรากฏว่าขบวนการรับแทงพนันบอล บ่อนการพนัน ไปจนถึงหวยเถื่อน ต่างยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ตอนนั้นเป็นช่วงที่บ่อนและโต๊ะบอล กำลังวิ่งเคลียร์กับคนมีสีรอบใหม่ ทั้งบ่อนและโต๊ะบอลยังเปิดได้ เพียงแต่ผู้รับผิดชอบท้องที่ขอให้ปิดมิดชิดหน่อยอย่าประเจิดประเจ้อ อย่างบ่อนการพนันอย่าเป็นบ่อนประจำ ขอให้เป็นบ่อนวิ่งเล่น 2 – 3 วัน เปลี่ยนสถานที่เล่นใหม่ เพราะถ้าตำรวจนอกหน่วยมาจับ เจ้าของท้องที่สามารถอ้างได้ว่า เป็นบ่อนวิ่งเข้ามาในพื้นที่ ดูแลไม่ทัน”
เซียนการพนันรายหนึ่งบอกถึงสถานการณ์การพนันในเมืองสงขลา ในยามที่บ่อนวิ่งเกลื่อนเมือง
สำหรับบ่อนการพนัน ที่แปรสภาพจากบ่อนถาวรเป็นบ่อนวิ่ง บัดนี้เจ้าของบ่อนต้องหูไวตาไว ถึงแม้ตำรวจท้องที่ยังเก็บเงินเหมือนเดิม แต่ถ้าถูกจับคนรับส่วยจะไม่รับผิดชอบ
บ่อนดังในหาดใหญ่อย่างบ่อนหัวควน ทางไปบ้านพักของนายปกครอง จินดาพล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา บ่อนแถวทุ่งเสา ที่ถูกจับไปแล้ว ตอนนี้ก็กลับมาเล่นกันอีก
บ่อนรอบนอกที่เคยทำท่าจะเป็นบ่อนถาวร อย่างบ่อนแม่เตย บ่อนหินเกลี้ยง ตอนนี้ขยับขึ้นไปเล่นไกลออกไปอีกหน่อย
นอกจากนี้ก็ยังมีบ่อนเจ๊ ฝ. ที่มีนายทหารใหญ่เป็นแบ๊ก บ่อน บ. หลังห้างแม็คโคร บ่อน จ. ที่เคยกล้าหาญชาญชัย ตอนนี้ก็ไม่กล้า
ส่วนบ่อนที่สะบ้าย้อย และแถวอำเภอรอบนอกอย่างอำเภอคลองหอยโข่ง เกือบทั้งหมดเป็นของนักการเมืองท้องถิ่น บ่อนพวกนี้มีนักการเมืองระดับชาติหุ้นอยู่ด้วย
สำหรับปริมาณเม็ดเงินส่วยจากบ่อนมากมายขนาดไหน ให้ดูตรงบ่อนแม่เตย ขนาดบ่อนนี้เป็นบ่อนชนบทที่สุด ยังต้องจ่ายเดือนละ 3 ล้านบาท บ่อนที่หลบออกไปเล่นไกลถึงอำเภอนาหม่อม นี่ก็ต้องจ่าย 3 ล้านบาทต่อเดือน กางเต็นท์เล่นในสวนยางพารา คนเฝ้าทางจะรู้ว่าใครเป็นนักเล่น ใครเป็นขาประจำ
จึงมิพักต้องพูดถึงบ่อนในหาดใหญ่ ถ้าจ่ายไม่ถึง 10 ล้านบาทต่อเดือนก็ไม่ต้องคุย เม็ดเงิน 10 ล้านบาทนี้ ไม่เกี่ยวกับที่ต้องจ่ายให้กับบรรดานักบินนอกหน่วย 10 ล้านบาท เคลียร์เฉพาะกับท้องที่เท่านั้น
อย่างที่ด่านนอกตรงโนแมนส์แลนด์ หรือบ่อนในโรงแรม ส. นอกจากต้องจ่ายเดือนละ 30 ล้านบาทแล้ว ยังต้องตั้งงบประมาณไว้ 5 แสนบาทไว้ให้พวกเด็กๆ ที่ขับรถไปถึงที่แล้วบีบแตรเรียกขอค่าน้ำมันรถ รวมทั้งแจกจ่ายให้กับนักข่าวท้องถิ่นนอกรีตอีกต่างหาก
ถึงกระนั้นตำรวจบางคนยังบอกว่าอยู่ไม่ได้ ถึงแม้เก็บเงินได้เยอะ แต่ได้ใช้เองไม่กี่บาท เหมือนคนแบกกลองให้เพื่อนตี เก็บได้ 30 ล้านบาท คนเก็บอาจจะได้แค่หลักแสน ที่เหลือส่งขึ้นไปข้างบนตามลำดับชั้น พลาดท่าเสียทีขึ้นมาไม่คุ้ม แต่มาอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องเก็บ ไม่อย่างนั้นนายไม่ให้อยู่
ว่ากันว่า นายตำรวจผู้ใหญ่บางคน ส่งคนเฝ้าดูแลผลประโยชน์ของตัวเองโดยตรงก็มี
 
 

โต๊ะบอลสะท้าน
ขณะที่ในตัวเมืองหาดใหญ่จากการสืบค้นพบว่า มีโต๊ะพนันบอลขนาดใหญ่ๆ เกือบ 20 โต๊ะ
เจ้าของ 20 โต๊ะบอลขนาดใหญ่ นอกจากจะเป็นผู้ประกอบการในอำเภอหาดใหญ่แล้ว ยังมีกลุ่มทุนจากกรุงเทพมหานคร และจากจังหวัดภูเก็ตมาร่วมแจมด้วย
“คนพวกนี้ร่ำรวยระดับเศรษฐี บางคนเป็นถึงเจ้าของโรงแรม เจ้าของร้านทอง พวกเดียวกับเจ้ามือหวยใต้ดิน กลุ่มทุนจากภูเก็ตที่เข้ามา เพราะภูเก็ตระดมเม็ดเงินได้มาก นำมาลงทุนด้านอบายมุขแล้วได้กำไรเร็ว” เป็นข้อมูลจากคนวงในโต๊ะบอลตัวเมืองสงขลา
 
 

สารพัดหวยเถื่อน
ใครต่อใครมักจะนึกไม่ถึงว่า เมืองสงขลาจะมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล โดยเฉพาะจากผู้หญิง เพราะมีแหล่งรองรับคือแรงงานประมง โต๊ะบอลก็มากเพราะเป็นเมืองที่มีวัยรุ่นมาก
รวมไปถึงหวยหุ้นที่มีเครือข่ายนายทุนใหญ่อยู่ในตัวเมืองสงขลา หวยหุ้นออกตามวันทำการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ส่วนหวยสัตว์ ต้นตำรับอยู่ที่อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา แล้วขยายมาที่ตลาดอำเภอสะเดา ตลาดทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอคลองหอยโข่ง ต้นตำรับคือจ่า ว. ตอนนี้ตายไปแล้ว
ที่นาทวีออกหวยสัตว์กันวันละ 2 รอบ ที่ตลาดสะเดาบางวันก็ 2 รอบ ลักษณะการเล่นหวยสัตว์ก็คือ เขียนคำปริศนาแล้วใส่ในถัง เช่น อะไรเอ่ย สี่ตีนเดินมาหลังคามุงกระเบื้อง ระบุสัตว์มีชื่อสัตว์ให้ตรงกับตัวเลขที่ออก มีสัตว์ทั้งหมด 24 หรือ 25 ตัว มีตั้งแต่ตะขาบไปจนถึงสารพัดสัตว์ แทงอย่างไรเจ้ามือก็กิน
ลักษณะพิเศษของหวยสัตว์ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ถ้าช่วงไหนเศรษฐกิจดี จะออกวันละกี่รอบก็ได้
ส่วนหวยมาเลย์ไม่เท่าไหร่ เพราะไปพ่วงอยู่กับหวยใต้ดิน หมายถึงเจ้ามือหวยมาเลย์กับหวยใต้ดินเป็นพวกเดียวกัน เป็นรายการแถมพก เหมือนซื้อเหล้าแถมเบียร์
รายการหวยจะจ่ายหนัก เพราะเจ้ามือรายใหญ่จริงๆ มีไม่กี่คน ในจังหวัดสงขลามีทีมหาดใหญ่กับสะเดาประมาณ 10 คน นอกนั้นเป็นรายเล็กๆ ตามหมู่บ้าน ตำบล
ใครทำแบบเล็กๆ ก็จ่ายน้อยๆ ตามขนาดของธุรกิจ
นายทุนหวย นอกจากเป็นคนหาดใหญ่แล้ว ก็ยังมาจากภูเก็ต กรุงเทพมหานคร มาจากสะเดาอีกเล็กน้อย ส่วนนายทุนหวยจากมาเลเซีย ช่วงหลังเงียบไป เพราะหุ้นส่วนคนไทยไม่ค่อยไว้วางใจ เนื่องจากพวกมาเลเซียชอบเอาเปรียบ ยกเว้ยหวยมาเลย์ ที่อาจจะมีคนมาเลเซียร่วมแจมด้วย
หวยมาเลย์กับหวยใต้ดินมี 2 ลักษณะ หนึ่ง เจ้ามือรับแทงพร้อมกับรับกินด้วย อีกพวกหนึ่ง รับแทงเอาเปอร์เซ็นต์ ส่งต่อให้เจ้ามือที่หาดใหญ่ สะเดา ภูเก็ต หรือกรุงเทพมหานครรับกิน
 
 

ตู้เกมตู้ม้ายึดด่านนอก
ตู้เกม ตู้ม้า มีที่ด่านนอกเป็นหลัก คอหงส์เคยมีอยู่บ้างแต่ปิดไปแล้ว ในหาดใหญ่ช่วงหลังไม่มี
ธุรกิจตู้เกม ตู้ม้าเป็นของนักการเมืองใหญ่มีบทบาทระดับชาติ มีนักการเมืองท้องถิ่นดูแลผลประโยชน์ให้
สมัยหนึ่งลูกชายของเจ้าพ่อใหญ่ในนครบาล เดินสายมาเปิดเอง เคยเดินสายมาเคลียร์เจ้าหน้าที่กับนักข่าวในพื้นที่
นี่คือที่มาของระบบการส่งส่วยที่ขยายวงมากขึ้น เพราะยุคนี้ผู้ประกอบการไม่ได้ส่งส่วยเฉพาะตำรวจท้องที่หน่วยเดียว แต่ต้องส่งส่วยให้กับทุกหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
ยกตัวอย่างที่ด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา แหล่งอบายมุขและสิ่งผิดกฎหมายขนาดใหญ่ มีหน่วยงานของรัฐยาตราเข้าไปเรียกเก็บส่วยถึง 19 หน่วยงาน ตั้งแต่ตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครอง ศุลกากร สรรพากร
แม้แต่หน่วยงานที่ผู้คนทั่วไป ไม่นึกว่าจะร่วมขบวนการเก็บส่วยอย่างสาธารณสุข ก็เข้าไปมีเอี่ยวกับส่วยสถานบริการ ที่มีผู้หญิงขายบริการประจำ
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็มีส่วนได้เสียกับขบวนการเก็บส่วย อันสืบเนื่องมาจากในหลายกิจการ หันไปใช้แรงงานพม่า แรงงานเขมร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแรงงานเถื่อน
เรื่องแปลกประหลาดที่สุดคือ ตำรวจป่าไม้ก็ร่วมวงเก็บส่วยด้วย เช่นเดียวกับตำรวจน้ำถึงขนาดไปเช่าบ้านรอเก็บส่วยอยู่ที่นั่น ไม่เว้นกระทั่งตำรวจตระเวนชายแดน
ขณะที่ตำรวจรถไฟออกเก็บเงินทุก 15 วัน อันเป็นกฎเดียวกับที่ใช้ในเมืองหาดใหญ่ ไม่นับรวมกองปราบปราม ที่เข้ามามีเอี่ยวแบ่งสันปันส่วนมานานแล้ว
ทำไม ตำรวจแทบทุกหน่วยถึงอาจหาญเดินสายเก็บส่วยกันได้ขนาดนี้ เหตุผลก็คือตำรวจมีอำนาจในการจับกุมคดีอาญาทุกคดี ใครทำผิดกฎหมายไม่ยอมจ่ายก็ถูกจับกุม
นอกจากบ่อนแล้ว ยังมีซ่อง มีผู้หญิงในคาราโอเกะ ที่ต้องนับหัวจ่ายกันหัวละพันบาทต่อเดือน แต่ละบ้านต้องทำทะเบียนส่งให้ตำรวจท้องที่ หัวละพันต่อเดือน นั่นเฉพาะอัตราที่ต้องจ่ายให้กับท้องที่ ไม่เกี่ยวกับอีก 19 หน่วย ที่ต้องจ่ายต่างหาก
ที่ด่านนอก มีผู้หญิงอยู่ประมาณ 100 บ้าน ประมาณการต่ำๆ มีผู้หญิงบ้านละ 10 คน ก็ตกประมาณ 1 พันคน นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นๆ กันอยู่
ส่วนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนี้จ่ายตำรวจท้องที่เดือนละหมื่นต่อแผง ไม่เกี่ยวกับที่ต้องจ่ายให้กับนักบินจากหน่วยงานอื่น
เมื่อด่านนอกเป็นอย่างนี้ สภาพที่อื่นย่อมไม่แตกต่างกัน
เพราะฉะนั้น วันดีคืนดีคนหาดใหญ่จึงได้เห็นตำรวจรถไฟ ทำงานแทนสรรพสามิต ออกจับบุหรี่จับเหล้ากลางเมือหาดใหญ่กันเป็นที่เอิกเกริก
 
 

ประเคนส่วย500ล้าน
ระบบส่วยมีทั้งที่ผู้ประกอบการผิดกฎหมาย ส่งไปให้คนของรัฐเอง และหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจเกี่ยวข้องส่งคนมาเก็บถึงสถานประกอบการ
คนทั่วไปมองไปไม่ถึงฝ่ายปกครอง ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเมืองหาดใหญ่บอกว่า ตอนนี้ฝ่ายปกครองเป็นเสือนอนกิน ไม่ต้องออกแรง ส่งตำรวจได้เท่าไหร่ ฝ่ายปกครองก็ต้องได้เท่านั้น
ด้วยเพราะนายอำเภอคือ ประธานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอบายมุขทั้งหมด ขณะที่ผู้กำกับการตำรวจท้องที่เป็นแค่รองประธาน
ส่วยที่ตำรวจไม่ได้รับ แต่ฝ่ายปกครองรับไปเต็มๆ คือโรงแรม เพราะฝ่ายปกครองเป็นนายทะเบียนโรงแรม มีอำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับโรงแรม สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่า โรงแรมไหนมีคนมาพักกี่คน เปิดขายคืนละกี่ห้อง
ธรรมชาติของผู้ประกอบการโรงแรม ยิ่งมีคนเข้าพักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องปกปิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าบอกคนมาพักเต็ม ต้องเสียภาษีมากขึ้นเท่านั้น
จึงไม่แปลกที่โรงแรม จะส่งซองประจำเดือนให้กับฝ่ายปกครอง เดือนไหนใส่ซองมาน้อย นายอำเภอก็จะมาตรวจ ดูจำนวนคนเข้าพัก
ผู้คลุกคลีกับตัวเลขผิดกฎหมายมายาวนาน บอกว่าเม็ดเงินส่วยเฉพาะจังหวัดสงขลา รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน นั่นหมายถึงปริมาณเงินตรงนี้เท่ากับ 6,000 ล้านบาทต่อปี
เป็นเงินที่ใกล้เคียงกับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด ตามการประเมินของ ไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ คือ 7,000 ล้านบาท
แต่ความเสียหายที่มองไม่เห็น น่าจะมีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าจะคาดเดาได้ เหมือนกับเม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในธุรกิจใต้ดินเหล่านั้น หวังว่าธุรกิจที่โสโครกพวกนั้นถูกกวาดล้างขัดถูด้วยน้ำจนสะอาดแล้ว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท