Skip to main content
sharethis

ที่ประชุม ก.ตร.มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 คำสั่งให้ ‘สุรเชษฐ์’ ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย

 

27 มิ.ย. 2567 สื่อเว็บไซต์ ไทยพีบีเอส รายงานวานนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 18.38 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในฐานะประธาน ก.ตร. โดยมีกรรมการเข้าร่วมประชุม เช่น พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร). รวมถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

ขณะที่วาระการประชุมกำหนดไว้ 4 วาระ ซึ่งวาระสำคัญที่ต้องจับตาคือ วาระเรื่องการขอให้พิจารณาการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในกรณีคำสั่งลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ และกรณีคำสั่งลงวันที่เดียวกันให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้ (26 มิ.ย.) คาดว่าจะได้ผลการพิจารณาตามวาระ ส่วนการลงคะแนนของกรรมการ แม้จะมีบางคนติดเงื่อนไขลงคะแนนไม่ได้ แต่ก็อยู่ในจำนวนที่ดำเนินการต่อได้

สำหรับวาระสำคัญ มีกรรมการ 6 คนที่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีกรณีพิพาท ไปจนถึงผู้รับผิดชอบคดีความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประกอบด้วย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร.

ต่อมา เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายกฯ ได้ออกจากห้องประชุมและเดินทางกลับ หลังจากใช้เวลาประชุม ก.ตร.นาน 3 ชั่วโมง ซึ่งก่อนกลับ นายกฯ ระบุว่ามอบหมายให้ พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ เลขานุการ ก.ตร. เป็นผู้แถลงผลการประชุมในวันนี้ ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ซึ่งลงมาส่งนายกฯ ก็ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยระบุเพียงว่าขณะนี้การประชุมยังไม่แล้วเสร็จ

ยูทูบ สำนักข่าว “อมรินทร์ทีวี” ถ่ายทอดสดออนไลน์วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. ได้รับมอบหมายให้มาเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับเรื่องกรณีที่มีผู้ร้องขอพิจารณาเกี่ยวกับปฏิบัติงานบุคคลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติในกฎหมายหรือไม่ ในสองคำสั่งด้วยกัน

1.คำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน

2. คำสั่ง ตร.ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน

พ.ต.อ.อนุชา ระบุว่า ทั้ง 2 กรณี ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์เห็นชอบ 12 ต่อ 0 และไม่มีผู้ใดคัดค้าน ตามที่ ‘อนุ ก.ตร.วินัย’ เสนอว่า การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 กำหนดแล้ว

ทั้งนี้ ที่ประชุม ก.ตร.มีผู้มาประชุม 13 ท่าน แต่ไม่ได้เข้า 1 ท่าน ประชุมเสร็จแล้วมีคนที่เป็นคู่ขัดแย้ง คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ออกจากห้องไปไม่ลงคะแนนมติ

สำหรับกรณีที่การพิจารณายกเลิก หรือเพิกถอนคำสั่งนั้น ไม่อยู่ในอำนาจของ ก.ตร. แต่อยู่ในอำนาจของ องค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัย (ก.พ.ค.ตร.) ที่ประชุมจึงมีมติ พร้อมทั้งผู้ที่ร้องได้ใช้สิทธิ ตามที่กฎหมายกำหนดต่อองค์กรดังกล่าวแล้วก็จึงให้ผู้ร้องรอการพิจารณาของ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ต่อไป มติที่ประชุมมีเพียงเท่านี้  

“การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการบริหารงานส่วนบุคคลทั้งสองคำสั่ง ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว” พ.ต.อ.อนุชา  กล่าว ซึ่งผลของมติ ก.ตร. ทำให้ พันตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ยังไม่ได้กลับเข้ารับราชการในครั้งนี้

เลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป คือ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องรอ ก.พ.ค.ตร. ที่เข้าไปร้องไว้ก่อนหน้านี้ว่า พิจารณาว่าคำสั่งของ พ.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล จะสามารถกลับมาอยู่ที่ สตช. ได้หรือไม่ โดย ก.พ.ค.ตร. ใช้เวลาพิจารณาตามกรอบกฎหมายได้ 120 วัน และจะขยายได้ 2 ครั้ง แต่ทางด้านเลขานุการ ก.ตร. ยืนยันว่า น่าจะทำแล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 25 มิ.ย. 2567 เว็บไซต์สื่อ ไทยพีบีเอส ออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นฟ้อง ก.ตร.ท่านหนึ่ง ยศ พล.ต.อ. และเป็นกูรูด้านกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยวันนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุด้วยว่า ผลการประชุม ก.ตร.ออกมาเป็นลบ ยังมีช่องทางที่จะเรียกร้องสิทธิฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดต่อ 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net