Skip to main content
sharethis

ชี้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในพืชผักไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวด ล้อมจนแต่ละปีมีผู้ป่วยเป็นโรคพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเกือบหมื่นราย ทว่าในแง่การส่งออกยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติมหาศาล

วันนี้ (25 ม.ค.54) เครือข่ายวิชาการเตือนภัยสารเคมีเกษตร ประเทศไทย (คสท) Thailand Pesticide Alert Network (TPAN) ที่ประกอบด้วยนักวิชาการด้านสารเคมีการเกษตร นักการแพทย์ และองค์กรด้านสาธารณะประโยชน์ เตรียมจัดแถลงข่าว ‘นัยอียูแบนผักไทยกับการไม่ขึ้นทะเบียน 4 สารเคมีเกษตรสุดอันตราย’ ณ ห้องนนทรี 2 ชั้น 4 อาคารเคยู โฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในเวลา 10.00 น.เพื่อร่วมกันกำกับควบคุมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชไม่ให้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปนเปื้อนในผลผลิตอาหารที่จำหน่ายในประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยด้วย

สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในพืชผักไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจนแต่ละปีมีผู้ป่วยเป็นโรคพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเกือบหมื่นราย ทว่าในแง่การส่งออกยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติมหาศาล ดังที่ประเทศไทยจะระงับ (แบน) การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหภาพยุโรป (EU) ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ ถึง 5 กลุ่ม 16 ชนิด ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า กลุ่มที่ 2 พริก กลุ่มที่ 3 มะระจีน มะระขี้นก กลุ่มที่ 4 มะเขือเปาะ มะเขือยาว มะเขือม่วง มะเขือขื่น และกลุ่มที่ 5 ผักชีฝรั่ง เพื่อป้องกันผลกระทบการส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่า 4 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ แม้มีการแจ้งเตือนว่ามีสารเคมีตกค้างในผักและผลไม้ของไทยในระบบเตือนภัย RASFF (rapid alert system for food and feed) โดยสหภาพยุโรปถึง 55 ครั้งในปี 2553 ที่ก้าวกระโดดจาก 26 และ 25 ครั้งในปี 2550 และ 2552 ตามลำดับ อันเป็นผลโดยตรงมาจากการที่ประเทศไทยยังคงใช้สารเคมีเกษตร 4 ชนิดที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ประเทศไทยเองกลับไม่มีมาตรการในการกำกับควบคุมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชดังกล่าวเหมือนประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายที่ต่างแบนสารเคมีเหล่านี้เพื่อปกป้องสุขภาพผู้บริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนตลาดส่งออกสินค้าเกษตร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net