Skip to main content
sharethis

หลังเหตุตำรวจเข้าช่วยเหลือชาวโรฮิงยาถูกกักขังที่สะเดา กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรม นักศึกษา ที่ จ.มหาสารคามชวนลงชื่อหยุดละเมิดสิทธิ-หยุดค้ามนุษย์-หยุดส่งชาวโรฮิงยากลับพม่า วอนรัฐบาลไทยทบทวนการส่งกลับเพราะเท่ากับส่งไปเผชิญความตาย เรียกร้องให้สมาคมอาเซียนกดดันพม่ายุติการปราบปรามโรฮิงยา

ตามที่มีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วยเหลือชาวโรฮิงญาราว 800 คน ที่ถูกกักขังอย่างแออัด บริเวณป่าสวนยางบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียด้าน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รอการลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) "กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษา เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม" อาทิ ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ ผศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ฯลฯ ได้จัดกิจกรรมลงนามออนไลน์เพื่อเรียกร้องให้ หยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน หยุดค้ามนุษย์ หยุดส่งชาวโรฮิงญากลับพม่า ล่าสุดมีผู้ร่วมลงนามในแถลงการณ์จำนวนมาก

โดยมีแถลงการณ์เชิญชวนของกลุ่มมีรายละเอียดดังนี้

000

กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษา
เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม
15 มกราคม 2556

ชาวโรฮิงญาถือได้ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มากที่สุดในโลก พวกเขาต้องตกเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย เนื่องมาจากลัทธิล่าอาณานิคมและการเกิดรัฐ-ชาติสมัยใหม่ โดยแผ่นดินเกิดของพวกเขาถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพพม่า แต่รัฐบาลพม่าไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมืองของรัฐอันเนื่องมาจากการที่ชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลามที่แตกต่างกับศาสนาพุทธที่ถูกสถาปนาเป็นศาสนาประจำชาติ ชาวโรฮิงญาจึงกลายเป็นกลุ่มชาติพันธ์ถุ กูกแบ่งแยกโดยศาสนา ส่งผลให้พวกเขาเป็นคนไร้รัฐและต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่มีอคติทางชาติพันธุ์และนำไปสู่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งจากทางการพม่าและพลเมืองกลุ่มอื่นในพม่าดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการเข่นฆ่าชาวโรฮิงญาในพม่าบ่อยครั้ง จนกระทั่งทำให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากต้องหลบหนีออกนอกประเทศและส่วนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง นอกจากนั้น ชะตากรรมของชาวโรฮิงญายังถูกซ้ำเติมจากขบวนการค้ามนุษย์ดังที่ชาวโรฮิงญาจำนวนหนึ่งถูกกักขังและบีบบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสที่ภาคใต้ดังที่เป็นข่าวในขณะนี้

เป็นที่ชัดเจนว่าเสียงของชาวโรฮิงญาก็คือพวกเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลไทยผลักดันพวกเขากลับพม่าเพราะพม่าไม่ยอมรับว่าพวกเขาเป็นพลเมือง การส่งกลับพม่าจึงเท่ากับส่งพวกเขาให้ไปเผชิญกับความตายที่พวกเขาหนีออกมา

กลุ่มคณาจารย์ นักกิจกรรมทางสังคม และนิสิตนักศึกษาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มหาสารคาม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของคณาจารย์ นิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในมหาสารคาม และนักกิจกรรมทางสังคม มีความห่วงใยต่อชะตากรรมของชาวโรฮิงญาทั้งที่กำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพม่าและที่กำลังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วและที่คาดว่ายังไม่ได้รับการช่วยเหลืออีกมาก ดังนั้นกลุ่มจึงขอเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้

ประการแรก ขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของรัฐสภา องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของไทยและสากล เข้ามีบทบาทในการเข้าช่วยเหลือชาวโรฮิงญาโดยเร่งด่วน โดยกดดันให้รัฐบาลไทยยุตินโยบายและปฏิบัติการที่เป็นการผลักดันชาวโรฮิงญากลับพม่า เพราะชาวโรฮิงญาแตกต่างจากผู้อพยพหรือแรงงานข้ามชาติกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นคนไร้รัฐ การผลักดันพวกเขาออกนอกประเทศกลับไปยังพม่าจะทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และหากพวกเขาหลบหนีออกมาอีกครั้งก็จะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียชีวิตระหว่างหลบหนีหรือไม่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์อีก

สำหรับนโยบายในการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา รัฐไทยต้องให้ภาคส่วนต่างๆ ทั้งองค์กรพัฒนเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักวิชาการ และภาคประชาสังคมเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและปฏิบัติการของรัฐไทยต่อชาวโรฮิงญาเป็นกรณีเฉพาะ

ประการที่สอง ขอเรียกร้องให้สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนนเข้ามีบทบาทในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวโรฮิงญาในประเทศพม่า โดยกดดันใหรัฐบาลพม่าและชาวพม่ากลุ่มอื่น ยุติการปราบปรามเข่นฆ่า และการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ต่อชาวโรฮิงญาโดยทันที และให้การช่วยเหลือชาวโรฮิงญาทั้งที่ยังอย่ในประเทศพม่าและที่หลบหนีออกมา รวมทั้งที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์โดยเร่งด่วน

หากประชาคมอาเซียนและรัฐบาลในประเทศกลุ่มอาเซียนเพิกเฉยต่อชาวโรฮิงญาก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าประชาคมอาเซียนเป็นเพียงการรวมกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตระหนักถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาคมอาเซียนเอง

ประการที่สาม ขอให้สังคมไทยร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลไทยดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โดยดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง รวมทั้งทำการรณรงค์ให้ยุติการค้ามนุษย์ในประเทศไทยโดยเร่งด่วน สำหรับกรณีของชาวโรฮิงญาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ที่ภาคใต้ใน ขณะนี้ ขอให้สังคมไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พวกเขาโดยเร่งด่วนโดยไม่มีอคติทางศาสนาและชาติพันธุ์ แต่ถือว่าชาวโรฮิงญาคือเพื่อนร่วมโลกของเรา

ด้วยความสมานฉันท์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net