เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.57) ประเทศเกาหลีเหนือได้จัดการเลือกตั้งทั่วไป โดยแต่ละเขตมีผู้สมัครเพียงคนเดียวซึ่งเป็นคนที่รัฐเลือกสรรมาแล้ว และคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นตัวเลือกเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยในการเลือกตั้งหากมีการโหวตโนหรืองดออกเสียง อาจถูกจับไปเข้าค่ายแรงงานกักกัน
มีความพยายามที่จะยกเอาการเลือกตั้งในเกาหลีเหนือมาเทียบกับการเลือกตั้งของไทยเพื่อที่จะบอกว่า รัฐบาล (ในที่นี้ชัดเจนว่าคือยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย) ที่ผ่านการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตยเสมอไป

สำหรับผู้เขียนแล้ว เห็นด้วยในหลักการที่ว่า การเลือกตั้งไม่ได้ยืนยันความเป็นประชาธิปไตยเสมอไป เห็นได้ชัดเจนจากกรณีการเลือกตั้งของเกาหลีเหนือ (ซึ่งจริงๆ แล้วคงต้องถกเถียงกันพอสมควรว่าจะเรียกว่าการเลือกตั้งได้หรือไม่) แต่การเอาการเลือกตั้งในไทยกับเกาหลีเหนือมาเทียบกัน มันดูจะเป็นเรื่องที่ออกจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย ส่วนหนึ่งเพราะมันมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน

เมื่อประชาธิปไตยยืนยันความเท่าเทียม ในขณะเดียวกันความเท่าเทียมในขณะเดียวกันความเท่าเทียมก็มาพร้อมกับความคิดเรื่องความเป็นมนุษย์ เพราะความเท่าเทียมในระบอบประชาธิปไตย หมายถึงความเท่าเทียมในฐานะของการเป็นมนุษย์เหมือนกัน มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน และผู้เขียนเห็นว่า ด้วยเรื่อง “ความเป็นมนุษย์” เป็นสิ่งที่ทำให้การเลือกตั้งของเกาหลีเหนือและไทยต่างกัน

การเลือกตั้งของเกาหลีเหนือไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะการปฏิบัติต่อประชาชน ไม่ได้ปฏิบัติในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์ ซึ่งในความหมายของผู้เขียน มนุษย์เป็น rational being กล่าวคือ มนุษย์มีความสามารถในการใช้เหตุผล มนุษย์จึงสามารถที่จะใช้เหตุผลเพื่อเลือกและกำหนดสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองได้ แต่สำหรับการเลือกตั้งของเกาหลีเหนือมิได้คำนึงถึงจุดนี้ การบังคับให้เลือก คิม จอง อึน โดยมีการลงโทษผู้ที่เห็นต่างและใช้สิทธิ์ไม่เลือก นั่นหมายถึงการปฏิบัติต่อคนอื่นในฐานะที่เขาไม่ใช่มนุษย์ และเป็นการมองข้ามศักยภาพในการใช้เหตุผลของมนุษย์อย่างชัดเจน

เมื่อย้อนกลับมาถึงการเลือกตั้งในไทย ถึงจะมีการซื้อเสียง คอร์รัปชั่น แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา แต่ผู้เขียนเห็นว่าโดยกลไกของการเลือกตั้งเอง มันไม่ได้ทำลายหลักการเรื่องความเป็นมนุษย์ และไม่ขัดแย้งกับระบอบประชาธิปไตย สำหรับการซื้อเสียง หากมองในมุมหนึ่ง มันคือการแลกเปลี่ยน การตอบแทน กระบวนการดังกล่าวยังคงกระทำในฐานะของความเป็นมนุษย์ ซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะรับและตัดสินใจว่าจะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ และในกระบวนการเลือกตั้งก็ยังยืนยันถึงความเป็นอิสระและความเป็นมนุษย์ของคุณ กล่าวคือคุณจะเลือกใครก็ได้ หรือไม่เลือกก็ได้ จะเลือกประชาธิปัตย์ เลือกเพื่อไทย เลือกชูวิทย์ ก็ได้ ตามแต่ที่คุณเห็นสมควร โดยไม่มีการข่มขู่ทำร้ายหรือลงโทษ ในทางหลักการ ผู้เขียนคงต้องยืนยันว่าการเลือกตั้งแบบนี้เป็นประชาธิปไตยแน่นอน ดังนั้นสำหรับยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจึงไม่ต้องสงสัยว่าเขามาอย่างชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย

ดังนั้น สำหรับผู้เขียนแล้ว การเอาเรื่องการเลือกตั้งของเกาหลีเหนือมาเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในไทย เป็นการกระทำที่หวังผลในทางการเมืองเพียงอย่างเดียว ไม่มีหลักการสนับสนุน และส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่เราไม่เข้าไปทำความเข้าใจและวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง