Skip to main content
sharethis

โฆษก คสช. โต้ ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ โยง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร กับการคุมตัว 84 วัน ทำสังคมสับสน ชี้เป็นคนละเรื่อง ระบุปัจจุบันการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งพลเรือนและทหาร ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยพนักงานสอบสวนหรือตำรวจจะต้องขออำนาจจากศาลให้เป็นผู้สั่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศาลทหารหรือศาลพลเรือน

14 ก.พ. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะเลขาธิการคสช. มอบหมายให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม กรณีมีสื่อนำเสนอข่าวนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียขององค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติคัดค้านร่างแก้ไขพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ว่าด้วย การเพิ่มอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนได้นานสูงสุดถึง 84 วัน โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอำนาจศาล และการมอบอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบ ถือเป็นการปกครองประเทศในระบอบเผด็จการ ว่า แถลงการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ด้วยข้อมูลที่อาจไม่ครบของ “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ที่ถือเป็นองค์กรระดับประเทศที่ได้รับความน่าเชื่อถือ ดังนั้นการนำเสนอเรื่องใดๆ ที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วนจนทำสังคมสับสน อาจส่งผลกระทบความน่าเชื่อถือองค์กรได้ โดยเฉพาะจุดยืนและสถานะในความเป็นกลางทางสังคมเนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนสอบถามมากขึ้น เพราะพบว่าหลายส่วนมีเนื้อหาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่กองทัพเข้าใจการทำหน้าที่เพื่อสังคม ของทางฮิวแมนไรท์วอตช์

“ยืนยันไม่มีการขอแก้ไขเพื่อเพิ่มอำนาจให้ทหารสามารถควบคุมตัวพลเรือนได้นาน 84 วันตามที่สื่อมีการเสนอข่าวของ “ฮิวแมน ไรท์ วอทช์” โดยนายแบรด อดัมส์ ปัจจุบันการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งพลเรือน และทหาร ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยพนักงานสอบสวนหรือตำรวจจะต้องขออำนาจจากศาลให้เป็นผู้สั่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศาลทหารหรือศาลพลเรือนก็ตามใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน และเป็นไปตามหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ใช้กันอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตามก็ยังคงใช้หลักเกณฑ์นี้โดยการขอก็ต้องขอศาลเป็นครั้งๆไป โดยจำนวนวันในแต่ละครั้งก็เป็นตามที่กฎหมายกำหนดไว้” โฆษกทบ. กล่าวต่อว่า

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวว่า การเสนอขอปรับแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ที่กำลังดำเนินการอยู่ เป็นเรื่องภายในองค์กรทหารเท่านั้น ไม่ควรนำมาปะปนกันจนทำให้สังคมเกิดความสับสน เจตนารมณ์เพื่อใช้ปฏิบัติต่อกำลังพลทหารที่ทำความผิดอาญาและผู้บังคับบัญชาไม่สามารถไปขอให้ศาลทหารสั่งขังได้ด้วยเหตุจำเป็นสุดวิสัย เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมต้องหยุดชะงัก โดยทหารที่กระทำความผิดอาญานั้นๆ ก็สมควรได้รับการปฏิบัติที่ไม่ต่างไปจากพลเรือน เพื่อให้เป็นไปตามหลักบรรทัดฐานสากลที่เหมือนหรือใกล้เคียงกัน

“คสช.เข้าใจดีว่าการสร้างความเข้าใจต่อสังคมในการทำงานของ คสช. และรัฐบาล มิใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกฝ่ายได้ให้โอกาสและร่วมมือ เพื่อนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นปัญหา มีการปฏิรูปและเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยขอให้การนำเสนอหรือวิภาษณ์ใดๆ ได้มีการศึกษาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ก็จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน” พ.อ.วินธัย กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net