Skip to main content
sharethis

ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีลอบสังหาร ใช่ บุญทองเล็ก เกษตรกรไร้ที่ดิน-สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ระบุประจักษ์พยาน อาจจะจำใบหน้าผู้ก่อเหตุได้ไม่แม่นยำ แต่มีคำสั่งควบคุมตัวจำเลย(ผู้ขับรถให้มือปืน) 30 วัน ด้านมือปืน และผู้จ้างวาน อัยการไม่ได้สั่งฟ้อง

15 มี.ค. 2559 เวลา 08.30 น. ที่ศาลจังหวัดเวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี กฤษดา ขุนณรงค์ ทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน(ทนายความฝ่ายโจทก์) ได้ให้ข้อมูลว่า ศาลได้ตัดสินยกฟ้อง สันติ วันทอง จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 1273/2558 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีลอบสังหาร ใช่ บุญทองเล็ก อายุ 61 ปี สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) โดยศาลลงความเห็นว่าช่วงเวลาที่ประจักษ์พยานทั้งสองปากพบเห็นเหตุการณ์นั้นเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งระยะห่างระหว่างพยานและกลุ่มผู้ก่อเหตุมีระยะถึง 10 เมตร จึงไม่สามารถจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ แต่ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งควบคุมตัวจำเลยในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ 30 วัน ด้านทายความฝ่ายจำเลยกำลังดำเนินการยื่นขอประกันตัว

ผู้สื่อข่าวรายานเพิ่มเติ่มว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2558 มีผู้ก่อเหตุขี่รถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ100 สีแดง-ดำ ไม่ติดป้ายทะเบียนมาจอดที่หน้าบ้านเดิมของ ใช่ บริเวณริมถนนสาย บ้านควนสระ- ถ้ำหอม และกระหน่ำยิง ใช่  บุญทองเล็ก ด้วยอาวุธปืน .357 หกนัดเสียชีวิตทันที  หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถหลับหนีมุ่งหน้าไปยังถนนสายถ้ำหอม  แต่ทั้งนี้นอกจาก สันติ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์ แล้วพนักงานอัยการยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่ร่วมกระทำความผิด ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นมือปืน และคนชี้เป้าเนื่องจากผู้ยิงปิดบังใบหน้าจึงไม่สามารถรระบุรูปพรรณได้ ส่วนผู้จ้างวานหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากบันทึกการโทรระหว่าง สันติ และผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้จ้างวานมีระยะเวลาห่างจากวันที่เกิดเหตุถึงหนึ่งเดือน

นอกจากคดีลอบสังหาร ใช่ บุญทองเล็ก ยังมีกรณีลอบสังหารชาวบ้านคนอื่นในชุมชนคลองไทรพัฒนาอีกสามราย คือ สมพร พัฒภูมิ อดีตช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณด้านนอกของหมู่บ้าน ในปี 2553  คดียังไม่มีความคืบหน้า  มณฑา ชูแก้ว อาชีพค้าขาย และปราณี บุญรักษ์ คนงานรับจ้าง ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับจากตลาด ในปี 2555 ทางญาติกำลังติดตามดำเนินการ

จุดเริ่มต้นของปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าวคาดว่าเกิดจากปมที่ดิน สปก. ในบริเวณป่าบ้านหมาก ป่าปากพนัง อ.ชัยบุรี  ซึ่งกลุ่มนายทุนสวนปาล์มที่เข้าใช้พื้นที่ 1,081 ไร่ ในปี 2528 โดยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย  และทำการปลูกพืชเศรษฐกิจคือ ปาล์มน้ำมัน จนกระทั่งมีการประกาศให้พื้นที่ป่าโทรมเสื่อมโทรมบริเวณดังกล่าวเป็น พื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในปี 2537 แต่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ไม่สามารถนำที่ดินบริเวณดังกล่าวมาจัดสรรให้กับเกษตรกรได้ เนื่องจากบริษัทไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ จนกระทั่งในปี 2548 มีการฟ้องคดี หมายเลขคดีดำที่ 616/2548 โดย ส.ป.ก. เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทจิวกังจุ้ยฯ ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งชนะคดีในศาลชั้นต้นเมื่อปี 2550 โดยศาลสั่งให้บริษัทออกจากพื้นที่ของ ส.ป.ก. แต่บริษัทยื่นอุทธรณ์ และขอทุเลาการบังคับคดี (ปัจจุบันคดีสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2557 ศาลฏีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น) ต่อมาในปี 2551 ชาวบ้านจึงได้รวมกันเข้าไปตั้งชุมชนในบริเวณที่บริษัทจิวกังจุ้ยฯ ครอบครองอยู่บางส่วน เพื่อเป็นการกดดันให้รัฐเร่งดำเนินการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน และเกษตรกรไร้ที่ทำกิน

ตลอดเวลาที่สมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากภาครัฐเป็นเวลาราว 8 ปี กลุ่มชาวบ้านต้องพบกับการข่มขู่ และคุกคามให้ออกจากพื้นที่ จากทั้งภาครัฐและกลุ่มนายทุน จนกระทั่งถึงขั้นเกิดกรณีการลอบสังหารชาวบ้านทั้งสามคดี  ในขณะที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อปี 2557 ให้บริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ต้องออกจากพื้นที่ในอำเภอชัยบุรี แต่ถึงทุกวันนี้ทางบริษัทยังคงอยู่ในพื้นที่เดิ​ม และล่าสุดกรมบังคับคดีได้พยายามไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net