ประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะถกเตรียมปฏิรูป-ยุทธศาสตร์-ปรองดอง 'ประวิตร' จ่อดึงผู้ใหญ่คุยปรองดอง

ประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะ ประชุมเตรียมการปฏิรูป-ยุทธศาสตร์ชาติ-ปรองดอง ตั้ง 4 คณะกรรมการ เผยจะทำให้ประเทศเดินหน้าสู่ประเทศที่มีรายได้สูงขึ้นภายใน 15 ปี  ระบุปี 60 รัฐบาลจะซ่อมของเก่า ย้ำโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ต้องเกิด 'ประวิตร' จ่อดึงผู้ใหญ่คุยปรองดองฝ่ายการเมือง สนช.พร้อมออก กม.รองรับ

ที่มาภาพ : เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

12 ม.ค.2560) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยได้มอบหมายความรับผิดชอบให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมถึงแม่น้ำ 5 สาย ในเรื่องการขับเคลื่อนต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วย เพื่อเป็นการจัดทำโครงสร้าง ซึ่งถือเป็นอนาคตของประเทศไทยที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าสู่ประเทศที่มีรายได้สูงขึ้นภายใน 15 ปี จึงต้องปฏิรูปในหลายเรื่อง วันนี้จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในแม่น้ำ 5 สายทั้งหมดมาร่วมประชุมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในปี 2560 รัฐบาลจะซ่อมของเก่า เสริมให้แข็งแรงขึ้นและสร้างโครงการใหม่ ๆ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ภายในปี 2560 ซึ่งหลายอย่างต้องคิดใหม่และหลายอย่างต้องมีกฎหมายสำคัญ รวมถึงประชาชนต้องให้ความร่วมมือและเข้าใจว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากตรงไหน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้ง แล้วจะทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม โดยวันนี้ได้สั่งการหลายเรื่อง ให้ไปสู่แนวคิดของคณะทำงาน ทั้งเรื่องการทำเกษตรแปลงใหญ่ซึ่งจะใช้ที่ดินของประชาชน เกษตรแปลงใหญ่ที่ใช้ที่ดินของเอกชน และเกษตรแปลงใหญ่ที่ใช้ที่ดินของประชาชนพร้อมนำเอาสมาร์ทฟาร์เมอร์หรือปราชญ์ชาวบ้านเข้าไปดูแล เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ หากเกษตรกรแย่งกันทำบางครั้งก็จะล้มเหลว จึงต้องเกิดโครงการเหล่านี้ในบางพื้นที่หรือในทุกพื้นที่ หากรอให้มีการรวมกลุ่ม เมื่อน้ำดี ราคาดี ก็จะกลับไปปลูกพืชอื่นอีก รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะกิจตลอดเวลา หรือหาเงินให้อุดหนุนเยียวยา เพราะจะพัฒนาประเทศไปไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ต้องสร้างการรับรู้ให้คนไทยและให้ต่างประเทศรับรู้ ว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อให้เกิดความร่วมมือและได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ทำในวันนี้ที่จะเป็นอนาคต ซึ่งจะรวมถึงเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด รวมทั้งเศรษฐกิจชายแดนด้วย อันเกี่ยวพันกับประชาชนทั้งหมด รัฐบาลจะดูแลประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้ประชาชนจะเดือดร้อน ขออย่ากังวล แต่ทุกอย่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถใช้กฎหมายเดิมและกติกาเดิมในการเดินหน้าประเทศต่อไปได้ในขณะที่โลกกำลังแข่งขันกันอยู่ เราเดินอย่างนั้นไม่ได้แล้ว ต้องยอมรับกันบ้าง แต่จะไม่ให้ใครเดือดร้อนมากที่สุด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่าง ถนนหนทางที่เคยจะต้องทำขยาย ทำเส้นใหม่แล้วทำไม่ได้ เพราะผ่านเขตอนุรักษ์ ก็ได้บอกให้ไปคิดใหม่ ทำเส้นทางใหม่ที่ไม่มีผลกระทบ และให้ทำให้ได้ เพราะสุดท้ายก็ไปถึงเหมือนกัน โดยต้องเปลี่ยนแปลงหลักการคิด ถ้าคิดแบบราชการเดิมคือสั้นที่สุดประหยัดที่สุดก็ได้แบบเดิม ที่จะต้องผ่านป่า สะพานกับท่อลอดก็น้อยทำให้ขวางทางน้ำ ซึ่งถือเป็นปัญหาเชิงซ้อนของประเทศไทย

จากนั้น สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าโครงสร้างการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ หรือ ปยป. จะออกเป็นระเบียบหรือคำสั่งตามมาตรา 44 แต่การประชุมครั้งนี้ได้วางกรอบการทำงานให้ความสำคัญตามที่นายกรัฐมนตรีตั้งเป้าว่าปี 2560 จะเป็นปีของการปฏิรูปการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติใน 20 ปีและการสร้างความปรองดองต้องนำไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยหลักการสำคัญที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเกี่ยวกับวาระการปฏิรูป คือคณะกรรมการชุดนี้จะต้องคัดกรองวาระการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ส่วนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอมา จะแยกเป็นหมวดหมู่ ทั้งการซ่อม เสริม และสร้าง จัดลำดับก่อนหลัง ทำเรื่องเร่งด่วนที่มีความเป็นไปได้ก่อน ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง และคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งทุกคณะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมวันนี้มีการพิจารณาเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้เร่งดำเนินการเรื่องการจัดทำกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคมนี้ หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ จะมีการตั้งคณะกรรมการ EEC และจะมีการออกสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ยังเร่งโครงการต่าง ๆ ให้สำเร็จ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง รถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพ – ระยอง อุตสาหกรรมไฮเทค และโครงการเมืองใหม่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง รวมทั้งเร่งรัดให้จัดทำแผนการใช้งบประมาณการจัดทำการลงทุนแบบกลุ่มจังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด ซึ่งแบ่งเป็นแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กองทุนเอสเอ็มอีแบบกลุ่มจังหวัด และงบส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในประเทศ

'ประวิตร' จ่อดึงผู้ใหญ่คุยปรองดองฝ่ายการเมือง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ว่า ตนทำยุทธศาสตร์ด้านการปรองดองอยู่แล้ว และได้หารือกับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว จึงไม่ได้เสนออะไรเพิ่มเติม หลังจากนี้ตนจะทำโครงสร้างเกี่ยวกับความปรองดองให้เห็นอย่างชัดเจนว่าขั้นตอนดำเนินการจะทำอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความปรองดองและอยู่ร่วมกันได้
       
“ส่วนการพูดคุยกับฝ่ายการเมืองนั้น ขอให้โครงสร้างเสร็จก่อน เราจะให้เขาเสนอว่าอยากทำอะไร เพื่อนำมารวบรวมเป็นข้อมูล โดยคนที่จะมานั่งหัวโต๊ะพูดคุยกับฝ่ายการเมืองเป็นระดับผู้ใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยมีตำแหน่งหน้าที่มาแล้ว อาจจะเป็นได้ทั้งผู้นำในกองทัพและพลเรือน เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีมอบให้ผมทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปรองดอง ผมก็จะเป็นคนคิดว่าจะทำอย่างไรและจะเสนอให้นายกฯ ทุกอย่างจะเป็นกระบวนการ ผมคิดไว้แล้วและจะประชุมกับคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาก่อน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
 

สนช.พร้อมออก กม.รองรับปฏิรูป-ยุทธศาสตร์-ปรองดอง

ขณะที่ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและสร้างความปรองดองสมานฉันท์ว่า เป็นการกำหนดนโยบายและกรอบเวลาในการที่รัฐบาลจะเร่งรัดมาตรการเรื่องการปฏิรูปประเทศให้ลงมือปฏิบัติเห็นผลภายใน 1 ปี คือ ปี 2560 และเป็นแผนระยะเวลาที่จะต้องแล้วเสร็จไม่เกินปี 2564 ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่าถ้าได้ลงมือภายในปี 2560 จะมีการส่งมอบภารกิจไปยังรัฐบาลชุดหน้าเพื่อสานต่อ เพราะมีการเริ่มต้นไว้แล้ว ซึ่งการดำเนินการหลายเรื่องต้องมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ จึงเป็นเหตุผลว่า สนช.ทำไมเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย เพราะกฎหมายจะทยอยมายัง สนช.ในเดือนมีนาคม ตนได้แจ้งกับที่ประชุมว่า สนช.ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการบัญญัติกฎหมายที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้หรือจำเป็นต้องออกมาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศให้เป็นรูปธรรม
 
ต่อกรณีคำถามว่า มีการหารือถึงบุคลากรส่วนหนึ่งของ สนช.ว่าหากรัฐธรรมนูญประกาศใช้อาจจะมี สนช.บางส่วนลาออกเพื่อที่จะลงเล่นการเมืองหรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน ยังไม่รู้ว่าจะมีคนไหนตัดสินใจลาออกเพื่อเล่นการเมืองหรือไม่ เพราะยังมีกรอบเวลาในการตัดสิน 90 วัน หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ คงเป็นเรื่องส่วนตัวที่สมาชิกจะต้องคิดกันว่าตัดสินใจอย่างไร
       
สุรชัยกล่าวว่า การทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปทาง สนช.จะทำตามกรอบกฎหมายเดิมหรือจะต้องย่นระยะเวลา ต้องนำไปหารือกับในวิป สนช.เพื่อช่วยกันคิดในการกำหนดแนวทางและมาตรการในการทำงานเพื่อให้มีการรวดเร็ว สอดรับกับนโยบายรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์ต่อไป

 

ที่มา เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล, ผู้จัดการออนไลน์และไทยรัฐออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท