Skip to main content
sharethis

เรื่องไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้องขอศาล รธน. ตีความคำสั่งหัวหน้าคสช. 53/2560 ปมรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง ขัด รธน. หรือไม่ ด้านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เผย เตรียมยื่นเช่นกัน หากฝ่ายกฎหมายพบปัญหา พร้อมเตือนผู้มีอำนาจอย่าเดินซ้ำรอยระบอบทักษิณ ใช้อำนาจรัฐเพื่อพวกพ้วง

27 ธ.ค. 2560 เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กรณีออกคำสั่งคสช. ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นการกระทำที่จำกัดสิทธิหรือเสรีภาพบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือไม่ เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ประกอบมาตรา 77 วรรคสอง  และการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามความในมาตรา 5 หรือไม่  นอกจากนี้ยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560  สิ้นผลไป โดยไม่มีผลใช้บังคับได้มาตั้งแต่แรก หรือเสมือนไม่เคยมีคำสั่งดังกล่าว

“การที่คำสั่งดังกล่าวเป็นการบังคับให้สมาชิกพรรคการเมืองจะต้องทำหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ซึ่งมีทั้งการเขียนเป็นเอกสาร และต้องส่งหลักฐานประกอบนั้น ประชาชนสามารถทำได้หรือไม่ เป็นการละเมิดสิทธิเขาหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงแล้วควรจะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองตรวจสอบว่าสมาชิกพรรคมีคุณสมบัติหรือขาดคุณสมบัติ ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นภาระของสมาชิกพรรคการเมือง ดังนั้น การออกคำสั่งดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ที่ห้ามคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองมาสั่งการพรรคการเมือง” เรืองไกร กล่าว

เรืองไกร กล่าวว่า คำสั่งนี้ยังขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคสองด้วย เพราะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคการเมืองก่อน จึงมาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีคำสั่งให้คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 สิ้นผลไป ไม่เช่นนั้นจะมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งลบล้างกฎหมายหรือออกเป็นกฎหมายโดยไม่ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยยกเลิกคำสั่งหรือประกาศคณะปฏิวัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแล้วหลายฉบับ  ครั้งนี้จึงมาขอพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคทหารหรือไม่ เรืองไกร กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ ส่วนจะเอื้อใครหรือไม่ไม่ทราบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวแม้จะดูเหมือนว่าเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองเก่า แต่กลับทำให้เกิดภาระกับพรรคการเมืองเก่าในการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับพรรคการเมืองใหม่

ขณะที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคพิจารณาข้อกฎหมายว่าคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่ามีเนื้อหาใดที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะทราบผลหลังปีใหม่ว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ทั้งนี้ การจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุผลข้อเท็จจริงที่เข้าข่ายยื่นได้ ซึ่งเท่าที่เห็นคำสั่งคสช. เป็นคำสั่งที่ยาวเป็นพิเศษและเนื้อหาขัดกันในตัว มีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง ฝ่ายกฎหมายกำลังดูในรายละเอียดถึงผลที่เกิดขึ้น

“ถ้าเข้าเงื่อนไขที่ขัดรัฐธรรมนูญก็มีความเป็นไปได้ที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยต้องดูว่ากระทบสิทธิของบุคคลหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวคนที่ได้รับผลกระทบต้องเป็นผู้ยื่น การจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว ยื่นไปก็ต้องมีน้ำหนักพอที่จะยื่นได้ ไม่ยื่นพร่ำเพรื่อหรือยื่นไปอย่างนั้นเพื่อให้มีคดีแน่นอน และเมื่อมีเหตุยื่นได้ก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร โดยจะดูข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่มีเหตุยื่นก็ไม่ยื่นแน่นอน แต่ถ้ายื่นต้องมีน้ำหนักให้ศาลพิจารณา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

อภิสิทธิ์  กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาดำเนินการตามกฎหมาย กติกาเขียนอย่างไรก็พยายามปฏิบัติ และยังไม่เห็นอุปสรรค มีแต่พรรคตั้งใหม่บ่น เพราะกระทบจากการที่คสช.ไม่ปลดล็อค อย่างไรก็ตาม การออกคำสั่งคสช.ครั้งนี้ไม่ใช่ปลดล็อค แต่เป็นการเพิ่มล็อค ทำให้ช้าไปอีกสามเดือนจนเป็นปัญหากับพรรคใหม่ ขอยืนยันว่าพวกตนไม่ติดใจที่จะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น เพราะเป็นประชาธิปไตย ยอมรับการแข่งขันตลอดเวลา แต่ขอให้แข่งขันด้วยการสร้างศรัทธาไม่ใช่เอาเครื่องมือต่าง ๆ มาทำลายคนอื่น

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำสั่งคสช.ที่ออกมาเหมือนไม่เข้าใจโรดแมปของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ประธานกรธ. ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำห้าสายรู้ว่าต้องออกกฎหมายสี่ฉบับจากนั้นเหลือเวลา 150 วัน ต้องจัดการเลือกตั้งจึงรีบผลักดันให้กฎหมายกกต.และพรรคการเมืองบังคับใช้ก่อน เพื่อให้มีเวลาปรับตัวให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งได้ เป็นสิ่งที่คิดอย่างดีและรอบคอบแล้ว แต่คำสั่งนี้เหมือนไม่เข้าใจตัวเอง เท่ากับต้องทำหลายอย่างซ้อนกัน จึงเป็นการแก้ปัญหาให้กับบางคนมากกว่าการแก้ปัญหาอย่างถูกจุด

 “ถ้าคิดใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมือง ก็เดินกลับสู่ยุคระบอบทักษิณ จะหวังอะไรกับการปฏิรูปและธรรมาภิบาล ถ้ามีปัญหาพรรคใหม่ก็หาทางแก้ไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ใช้อำนาจรัฐที่เบ็ดเสร็จพิเศษไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ บ้านเมืองเสียหาย ส่วนรวมเสียหาย บรรทัดฐานสำหรับอนาคตก็เสียหาย คนทำต้องรับผิดชอบ หากยึดหลักธรรมาภิบาลต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา รับผิดชอบ มีประสิทธิภาพ ลองไปดูว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเข้าเกณฑ์เหล่านี้หรือไม่ การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรทำในเรื่องใหญ่ ๆ ทำแล้วไม่ต้องเปลี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีกและไม่เอื้อประโยชน์ใคร เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล เพราะสู้ในสถานการณ์เสียเปรียบมาหลายรูปแบบ จึงไม่โวยวายหรือร้องขอ แต่ที่พูดต้องการรักษาหลักการบ้านเมือง ถ้าเสียเปรียบจากหลักการที่ถูกต้องพรรคยินดี แต่ถ้าไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมาภิบาลก็ต้องคัดค้าน ไม่ว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ” อภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ปริญญา เทวานฤมิตกุล รองอธิการบดีมาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่าคำสั่งดังกล่าวมีผลทำให้ส.ส.ย้ายพรรคได้โดยไม่ต้องลาออกจากพรรคเดิม ทำได้โดยไม่ยืนยันการเป็นสมาชิก เสมือนเป็นการเซ็ตซีโรส.ส.ว่า คงสะดวกขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร อยากอยู่พรรคใหม่ ไปลาออกก็ไม่มีใครห้ามได้อยู่แล้ว แต่กรณีนี้อาจจะช่วยคนที่ไม่กล้าสู้หน้าที่จะมาลาออกเท่านั้น 

“หากมีการใช้อำนาจรัฐจนทำให้การเลือกตั้งไม่เที่ยงธรรม ประเทศชาติจะเสียหาย ติดหล่มกับประชาธิปไตยที่เดินหน้าไม่ได้ ที่ผ่านมาเราคาดหวังมาตลอดว่าภายใต้การปฏิรูปประเทศเราจะได้ระบบการเมืองที่ดี สภาและรัฐบาลที่ดี ถ้าไม่สามารถนับหนึ่งจากการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรมได้ก็ไม่ถึงเป้าหมาย จึงขอว่าอย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ประโยชน์ส่วนพวก ขอให้คิดถึงระยะยาว ประเทศมีปัญหามาตลอดเพราะไม่คิดถึงหลักการและธรรมาภิบาล” อภิสิทธิ์ กล่าว

 

ที่มาจาก; สำนักข่าวไทย 1 , 2

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net