Skip to main content
sharethis

‘ปิยบุตร’ จากอนค. ชี้ “มึงมาไล่กูสิ” สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม พร้อมชู 4 แนวนโยบายผลักดันการเมือง-ความคิดสร้างสรรค์-เศรษฐกิจ ‘สมบัติ’ จากเกียน ชี้ต้องสร้างวัฒนธรรมการเมืองประชาธิปไตย ความเป็นไทยควรถูกสังคายนาตั้งอยู่บนสังคมโลก ‘ณัฐวุฒิ’ จากทษช. ระบุแนวคิดพรรคเคารพและยอมรับความหลากหลาย พร้อมใช้กลไกรัฐคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน อดิษร จากพท. ชี้ ปัจจุบันวัฒนธรรมประยุทธ์รุ่งโรจน์ แต่วัฒนธรรมประชาชนถูกเหยียบย่ำ

จากซ้ายไปขวา พิธีกร, อดิศร เพียงเกษ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, สมบัติ บุญงามอนงค์

 

5 ก.พ. 2562 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดงานเวทีเสวนา "พลังวัฒนธรรม กับการเมืองไทย" โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่, อดิศร เพียงเกษ พรรคเพื่อไทย, สมบัติ บุญงามอนงค์ พรรคเกียน และณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ พรรคไทยรักษาชาติ

 

‘ปิยบุตร’ จากอนค. ชี้ “มึงมาไล่กูสิ” สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม พร้อมชู 4 แนวนโยบายผลักดันการเมือง-ความคิดสร้างสรรค์-เศรษฐกิจ

ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า วัฒนธรรมคือเรื่องวิธีคิด คือวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมชนชาติไทยมีลักษณะพิเศษ ถูกกำหนดขึ้นจากชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม ถ้าเกินกว่านี้ไม่ใช่ ซึ่งลุกลามมาถึงการที่หัวหน้า คสช. กำหนดค่านิยม 12 ประการ แล้วปลูกฝังในโรงเรียน ขณะที่วัฒนธรรมของสากลนั้น คือ การเลื่อนไหล เปลี่ยนตามช่วงเวลาและความนิยมของผู้คน ทั้งนี้ วัฒนธรรมยังเป็นเครื่องมือเปลี่ยนอุดมการณ์ความคิดของคนด้วย เช่น เรายึดหลักเสรีประชาธิปไตย แต่ด้วยเผด็จการอนุรักษ์นิยมที่ฝังรากลึก ครอบงำเราอยู่ จะค่อยๆ กล่อมเกลาเราไปเรื่อยๆ

งานวัฒนธรรม คือ การช่วงชิงความหมายของถ้อยคำ นิยามความหมายเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เช่นคำว่า ประชาธิปไตย สมัยกรีกโรมันเป็นคำที่แย่ แต่ปัจจุบันเป็นคำมาตรฐานแล้วทุกประเทศ แม้ประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องบอกว่าเป็น เช่น ประชาธิปไตย 99.99 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

"หรือแม้แต่คำว่าคนดี ระยะหลังถูกทำให้เสียไป โดยคนกลุ่มหนึ่งสถาปนาตนเองว่าเป็นคนดี ส่วนคนอื่นเป็นคนไม่ดี ดังนั้น คนดีต้องยึดอำนาจมาปกครอง เรื่องนี้เราจำเป็นต้องช่วงชิงนิยามกลับมา อธิบายความหมายใหม่ในแง่ของฝ่ายประชาธิปไตยว่า คนดี คือ คนที่เคารพศักดิ์ศรีเพื่อนมนุษย์ เคารพความหลากหลาย เชื่อในเรื่องความเสมอภาค เชื่อในเรื่องสิทธิ์เสรีภาพ

“ผมคิดว่าในปัจจุบัน วัฒนธรรมอำนาจนิยมยังครอบงำสังคมไทยอยู่ ดูได้จากคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญยึดอำนาจมา แต่วันนี้อ้างรัฐธรรมนูญทุกวัน หรือที่สบถออกมาว่ามึงมาไล่กูสิ สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม ไม่ใช่เรื่องความจริงใจหรือการเป็นคนพูดตรงๆ แต่ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเขาเชื่อว่าจะทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด นี่คือวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่ครอบงำสังคมไทยเรามาจนปัจจุบันนี้" ปิยบุตรกล่าว

ปิยบุตรกล่าวต่ออีกว่า พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงความคิดคน เพราะถ้ายังเป็นวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม ทหารยึดอำนาจก็จะกลับมาอีก นิรโทษกรรมตัวเองอีก สังหารหมู่กลางเมืองแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่จะทำงานวัฒนธรรม 1.ภายในพรรคมีการจัดงานวัฒนธรรมทุกปี และ 2 นโยบายทางวัฒนธรรมที่จะผลักดันซึ่งคิดไว้ใน 3 มิติ คือ การเมือง ความคิดสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจ เป็นกรอบเบื้องต้นที่จะนำไปสู่ธงหลักที่เราอยากเห็นคือ การปลดปล่อยงานวัฒนธรรมออกมา โดยนโยบายที่จะทำ ได้แก่ 1.แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในแสดงออก เช่น พ.ร.บ.ภาพยนตร์ กฎหมายหมิ่นประมาท เป็นต้น 2.เปิดพื้นที่สาธารณะให้มากยิ่งขึ้น โดยเน้นกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โอบรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมพื้นที่และผู้คน 3.สนับสนุนศิลปินแขนงต่างๆ ให้เข้าถึงระบบสวัสดิการ มีกองทุนด้านวัฒนธรรม และ 4.ใช้งานวัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจส่งออกทั่วโลก รวมถึงทลายธุรกิจผูกขาดที่เกี่ยวกับงานวัฒนธรรม เช่น โรงหนัง สายส่งหนังสือ นอกจากนี้ มีความตั้งใจจะลดภาษีให้เกิดการบริโภคสินค้าทางวัฒนธรรมให้มากขึ้น ส่วนการจัดเก็บภาษี เก็บได้จากงานวัฒนธรรมไหนต้องนำไปสนับสนุนกองทุนงานวัฒนธรรมนั้น ทั้งหมดนี้ เราเชื่อว่าวัฒนธรรมไทยสามารถไปได้กับวัฒนธรรมสากล เราสามารถเชิดชูวัฒนธรรมไทยได้โดยไม่ปฏิเสธโลกาภิวัฒน์

 

ทั้งนี้ไอลอว์ได้รายงานในส่วนของพรรคอื่นด้วย ดังนี้

 

‘สมบัติ’ จากเกียน ชี้ต้องสร้างวัฒนธรรมการเมืองประชาธิปไตย ความเป็นไทยควรถูกสังคายนาตั้งอยู่บนสังคมโลก

สมบัติ บุญงามอนงค์ พรรคเกียน กล่าวว่า “ศิลปะหมายถึงสิ่งที่ศิลปินแสดงออกผ่านตัวงานศิลปะ เมื่อพูดถึงศิลปะจำเป็นต้องพูดถึงคนและสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจของคนสร้างศิลปะนั้น เช่นสภาพแวดล้อมทางสังคม มีคำกล่าวว่า ศิลปะบริสุทธิ์ไม่มีจริง เพราะว่า ศิลปินได้รับอิทธิพลมาจากสังคมและแสดงออกผ่านศิลปะ ปีที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ของเพลง “ประเทศกูมี” ที่ถือว่าเป็นการเขี่ยศิลปะหรือเพลงเพื่อชีวิตแบบเดิมลงคลองไปเลย เพราะศิลปินเพื่อชีวิตเดิมไม่ได้ทำหน้าที่ในการรับใช้สังคมปัจจุบันแล้ว พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่เคารพ ยืนยันว่า ผมเคารพจิตวิญญาณการสร้างสรรค์ผลงานในอดีต แต่เพลงในอดีตไม่ได้รับใช้สังคมปัจจุบันแล้ว

ส่วนคำว่า วัฒนธรรม แปลว่า วิถีชีวิต คนไทยชอบนำไปปะปนกับประเพณีหรือรูปแบบ เช่น โขน หรือชุดแบบไทยเดิม ขอโทษทีนะ ผมไม่รู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรม อาจจะเป็นวัฒนธรรมช่วงหนึ่งแต่ไม่ใช่วิถีชีวิตของชาวบ้านจริง วัฒนธรรมทางการเมืองไทยตอนนี้คือ เรามีการรัฐประหารทุกสามปี มีวัฒนธรรมอำนาจนิยม เราเชื่อว่า ถ้าใครมีอำนาจ ผู้นั้นจะได้รับความนิยม ไม่ว่าอำนาจนั้นจะมาด้วยวิธีการใดก็ตาม วัฒนธรรมแบบนี้มันแผ่ซึมซาบในสังคมเรา แต่ถามว่า มันเป็นวัฒนธรรมที่ถูกต้องหรือไม่ ก็ต้องตั้งคำถาม อย่างไรก็ดีเชื่อว่า มันเปลี่ยนแปลงได้

วันนี้ผมเห็นคนขับมอเตอร์ไซด์ย้อนศร ผมนึกถึงนายทหารที่ยึดอำนาจ คิดว่า มันพอๆกัน คือถ้าเรายอมรับคนที่ขี่มอเตอร์ไซด์ย้อนศรได้ คุณก็อาจยอมรับคนรัฐประหารได้ ถ้าหากเราจะสร้างวัฒนธรรมการเมืองประชาธิปไตยจะต้องเป็นวัฒนธรรมที่ยอมรับกันได้ทั้งหมด ผมหวังว่า เราจะสามารถสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่ยอมรับกันได้

ผมอยากเห็นสังคมไทยมีวัฒนธรรมเชิดชูสามัญชน เวลาเราไปต่างประเทศเราจะเห็นรูปปั้นของคนธรรมดา เป็นคนที่ชุมชนนั้นๆระลึกถึง อย่างแรกคือ อยากให้พื้นที่หน้าไทยรัฐเป็นรูปปั้นของลุงนวมทอง ไพรวัลย์ คนที่สังคมไทยควรจะรู้จักเขา เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามากๆ เวลาเราบอกว่า เราจะบันทึกเรื่องราวหรือสร้างงานศิลปะที่เกี่ยวกับสามัญชน มันเป็นเรื่องดีที่เราจะรู้จักกับสามัญชน แต่ละท้องถิ่นควรจะกลับไปค้นหาเรื่องราวเหล่านี้และสร้างประติมากรรมงานปั้นของคนเหล่านี้

ในส่วนนโยบายเรื่องศิลปะและวัฒนธรรมมองว่า ต้องมีสองมิติ หนึ่ง เวลาที่มาพูดถึงอะไรไทยๆ ผมไม่เชื่อนะ มันมาจากการใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะปฏิเสธสิ่งที่เป็นหลัก ถ้าไปไล่เรียงความเป็นไทย คนที่พูดบ่อยๆคือ คุณประยุทธ์ ที่บอกว่า รากเหง้าของคนไทยมาจากอัลไตอยู่เลย พูดเป็นตุเป็นตะโดยไม่เข้าใจความเป็นไทย ผมมองว่า ความเป็นไทยควรจะถูกสังคายนา เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง การเป่าแคนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์เป็นสิ่งผิดกฎหมายเพราะเป็นวัฒนธรรมของคนลาวที่ถูกกวาดต้อนเข้ามา แสดงถึงความขบถต่อต้านชนชั้นปกครอง

สองความเป็นไทยที่อยู่บนสังคมโลก เราต้องรู้จักในแนวกว้าง เราต้องรู้จักมนุษย์ที่อยู่ในที่ต่างๆ การใส่เสื้อนาซี สะท้อนว่า แนวกว้างก็ไม่ได้ แนวลึกก็ไม่ได้ วัฒนธรรมต่างชาติไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้าย เราจะแลกเปลี่ยนวิถีความรู้จากภายนอกเข้ามา การเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับรากเหง้าทำให้เรามีตัวตนและภาคภูมิใจ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้ สถานะไทยสากลที่คนทั่วโลกยอมรับได้”


‘ณัฐวุฒิ’ จากทษช. ระบุแนวคิดพรรคเคารพและยอมรับความหลากหลาย พร้อมใช้กลไกรัฐคุ้มครองเสรีภาพของประชาชน

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า “คำถามเรื่องศิลปะและวัฒนธรรม ขอพูดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมคนกรุงเทพฯ วันนี้หลายคนลังเลแม้แต่จะออกจากบ้านมาใช้ชีวิต เยี่ยงคนธรรมดา จากปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมของคนกรุงเทพฯ เราจะออกไปไหนก็ต้องพยายามตรวจว่า แต่ละจุดมีปริมาณที่เป็นอันตรายหรือไม่ คำย่อว่า พีเอ็มนอกจากฝุ่นผง คิดถึงเรื่องอื่นได้อีกไหม มีคำในภาษาอังกฤษที่คล้ายคลึงกับคำว่า พีเอ็ม คือว่า นายกรัฐมนตรี (Prime minister) พีเอ็ม 2.5 ก็รู้อยู่แล้วว่า มันไม่เต็มร้อย ไม่เต็มสิบ ทั้งประเทศกำลังอยู่ในสถานการณ์พีเอ็ม 2.5 สถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีไม่เต็ม หมายถึงไม่เต็มใจจะออกจากตำแหน่ง ทั้งที่หลายคนพยายามจะบอกว่า ให้สติและสำนึกทางการเมืองก็ตาม

ก่อนงานจะถูกปิดก่อนเวลา ขอย้อนกลับไปที่เรื่องศิลปะและวัฒนธรรม มันเป็นสิ่งมีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง มีวิวัฒนาการได้ตลอดเวลา มีผลกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ศิลปะจะเกิดขึ้นโดยชนชั้นใดก็ได้ คนระดับล่างเดินดิน คนชั้นสูงผู้มีอำนาจนำอำนาจการปกครองได้หมด สิ่งนี้อยู่ใน รัฐชาติที่ปกครองด้วยประชาธิปไตยแท้จริงจะมีศิลปะที่งอกงามเติบโตและรับใช้ชนชั้นผู้ถูกกดขี่อย่างแหลมคม เราเห็นงานศิลปะหลายชิ้นจากหลายประเทศ รับใช้ผู้ถูกกดขี่และพาชนชั้นนั้นเหยียดยืนขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้ถูกกดขี่ขึ้นมายืนเทียบเคียงกับผู้ปกครองและผู้กดขี่เสมอ

ต่อข้อคำถามที่ว่า มันมีไหมที่นายกรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศที่แต่งเพลง ผมว่า มี และเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำได้ ผู้นำหลายๆชาติที่เขียนลำนำ กวี ผู้นำประเทศที่สร้างศิลปะจะเพื่อรับใช้ประชาชนหรือตอบสนองกิเลสทางการเมือง เห็นจากเนื้อหาเป็นความตรงไปตรงมา เป็นสัจจะของชีวิตหรือเป็นความปลิ้นปล้อน ฉ้อฉลตลบตะแลงเพื่อรักษาอำนาจรัฐของตนเอง ตรงนี้คือความแตกต่างของผู้นำประเทศที่ทำเพื่อประชาชนและผู้นำที่ทำเพื่อพวกพ้อง แสดงท่าทีที่หมิ่นแคลนประชาชน เป็นหน้าที่ประชาชนที่ ไม่ให้อยู่ในอำนาจได้ต่อไป การทวงคืนที่สันติ ปลอดภัยที่สุดโดยการเลือกตั้ง

เรื่องศิลปะและวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพรรคไทยรักษาชาติ จะไม่ขยายความแต่จะพูดให้ชัดว่า แนวคิดของเราคือเคารพและยอมรับความหลากหลายและพร้อมที่จะใช้กลไกรัฐสนับสนุนปกป้องคุ้มครองเสรีภาพของประชาชนถึงที่สุด ในมิติด้านเทคโนโลยีจะใช้เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพที่จะสวนทางกับรัฐบาลปัจจุบัน เปิดทางให้บุคคลที่มีความดีเด่นด้านศิลปะและวัฒนธรรม รางวัลศิลปินแห่งชาติจะต้องพิจารณาถึงวัตรปฏิบัติด้านประชาธิปไตย เพราะศิลปินเป็นผู้สร้างงานศิลปะ ศิลปะจะต้องรับใช้ประชาชน ถ้ารับใช้อำนาจนิยม คงไม่อาจเรียกว่า ศิลปินแห่งชาติได้


อดิษร จากพท. ชี้ ปัจจุบันวัฒนธรรมประยุทธ์รุ่งโรจน์ แต่วัฒนธรรมประชาชนถูกเหยียบย่ำ

อดิษร เพียงเกษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “อดีตเคยใช้หอประชุมศรีบูรพา ขับไล่ถนอม, ประภาส และณรงค์ ไม่เชื่อว่า ปี 2562 จะมาพูดเรื่องเดิม คิดว่า อีกสิบปีต่อไปก็ต้องพูดเพราะว่า เขา(คสช.)อยู่อีก 20 ปี ใครเป็นเจ้าของวัฒนธรรม ถ้าวัฒนธรรมไปอยู่กับประยุทธ์ จันทร์โอชาก็เป็น “มึงมาไล่ดูสิ” บ้านเขาเข้าทางหน้าต่าง ถ้าบ้านผมเข้าทางหน้าต่างคือโจร วัฒนธรรมแบบนี้คือ ถอยหลังลงคลอง ลุแก่อำนาจ วัฒนธรรมที่ชนชั้นใช้อำนาจนิยมชมชอบมาก วัฒนธรรมประยุทธ์รุ่งโรจน์ แต่วัฒนธรรมประชาชนกลับถูกเหยียบย่ำ

การสบถเป็นเรื่องธรรมดา แต่ธรรมดาของมึงไม่ใช่ของกู มันต่างกันนะ วัฒนธรรมคือ คุณอยู่กำพืดใด ยืนตรงไหน รับใช้ใคร วัฒนธรรมรับใช้พวกพ้องตัวเอง อยู่ฝ่ายที่มีอำนาจรัฐ เลื่อนเลือกตั้งมาห้าครั้ง พอจะเลือกตั้งก็ไม่รู้ว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคไหนหรือไม่

กลับมีที่เรื่องวัฒนธรรมทุกครั้งในการต่อสู้จะพูดถึงวัฒนธรรม ที่มีทั้งวัฒนธรรมหลวงและราษฎร์ แต่วัฒนธรรมราษฎร์ไม่มีใครสนใจเลย คิดอย่างไรให้มันดีงามตามสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่สังคมชั่วคราวแบบนี้ ควรปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ อยากให้เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่อนุบาล ถึงจะชนะทุกอย่างที่ไม่ใช่วัฒนธรรมที่ดี คือ วัฒนธรรมของคนส่วนใหญ่ แทนที่จะเอาเพลงขอเวลาอีกไม่นานมาเปิด

นโยบายทางวัฒนธรรม ปัญหาปัจจุบันคือ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาทุกข์ คนแก้เท่าที่ดู สโลแกนตามสี่แยก ถ้ามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจคนแก้ก็ต้องเพื่อไทย เขาว่ามาแบบนั้นนะ เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เราก็จะสร้างสุขให้แก่ประชาชน สุขนั้นจะได้มาอย่างไรก็ได้มาจากวัฒนธรรม วัฒนธรรมจะสร้างสุขหลังจากที่แก้ทุกข์ไปแล้ว วัฒนธรรมที่สร้างจะเป็นประชาธิปไตยที่เคารพประชาชน ไม่ว่าอำนาจอธิปไตย ต้องขึ้นกับประชาชน ยกตัวอย่างหนึ่งในอำนาจอธิปไตยคือ อำนาจตุลาการ ศาลฎีกาต่อไปคุณต้องไม่ตัดสินว่า เมื่อปฏิวัติแล้วเป็นรัฏฐาธิปัตย์ มันเป็นคำพิพากษาโบราณแล้ว ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ถ้าผู้พิพากษาหรือตุลาการท่านใดเป็นแบบนั้น เพราะประชาชนเข้าใจแล้วว่า การยึดอำนาจเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ดี เป็นเดรัจฉานวิชาของประชาธิปไตย

กระทรวงวัฒนธรรมจะต้องเป็นกระทรวงเกรดเอไม่ใช่เป็นกระทรวงลับๆล่อๆ ไม่มีที่ไปค่อยไปอยู่กระทรวงวัฒนธรรม ที่ผ่านมาไม่ได้รับใช้ประชาชน มองขึ้นข้างบนไม่ได้มองลงข้างล่าง งบประมาณจะต้องกระจายลงสู่ด้านล่าง เดี๋ยวนี้งบประมาณมีไม่กี่เปอร์เซนต์ส่งถึงประชาชน มองตามระบบราชการ”

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net