พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงาน ตม. คาด ถูกลอบยิงรถยนต์เพราะกำลังเตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีโครงการจัดซื้อจัดจ้างระบบตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2562 ราคาราว 2 พันล้าน ผู้ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบชี้ หวังยิงขู่ แว่ว มีคนแถวปทุมวันเอี่ยวเงินทุจริตหลายร้อยล้านบาท

ขวา: สุรเชษฐ์ หักพาล (ที่มา: เพจเฟสบุ๊คสุรเชษฐ์ หักพาล)

8 ม.ค. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อให้ข้อมูลกรณีถูกลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวหน้าร้านนวดแผนโบราณเมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา

สุรเชษฐ์เชื่อว่าการถูกลอบยิงรถยนต์ มาจากการที่เตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ด้วยไบโอเมทริกซ์ที่มีมูลค่าถึง 2 พันล้านบาท โดยในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงาน ตม. และตัดสินใจยกเลิกโครงการดังกล่าวถือเป็นการทำเพื่อประโยชน์ประชาชน 

สุรเชษฐ์เชื่อว่า คดียิงรถของเขานั้นจะจับตัวผู้ก่อเหตุได้ไม่ยาก เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดมากมาย ส่วนตัวทราบว่าผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังเป็นผู้มีอำนาจ และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจวาระประจำปีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมายืนยันว่า มีการแต่งตั้งคนดีเข้ามาทำงาน หากจับผู่ก่อเหตุไม่ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบ

สำหรับคดีไบโอเมทริกซ์นั้น เริ่มขึ้นเมื่อ 28 พ.ค. 2562 ที่ษิทรา เบี้ยบังเกิด  เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายความเพื่อประชาชน เข้าร้องเรียนเลขาธิการ ป.ป.ช. พร้อมยื่นหลักฐาน ให้ตรวจสอบโครงการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ กับผู้โดยสารที่จะผ่านเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการรถสายตรวจไฟฟ้าอัจฉริยะของสำนักงาน ตม. งบประมาณรวมกว่า 3,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการรถสายตรวจราว 900 ล้านบาท (ที่มา:ไทยพีบีเอส)

เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) ษิทราได้โพสท์เฟสบุ๊คในกรณีการยิงรถของสุรเชษฐ์ โดยระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำลังจะเรียกสุรเชษฐ์ไปให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตโครงการข้างต้น ในฐานะเป็นผู้เคยทำหนังสือท้วงติงให้ยับยั้งโครงการ ซึ่งมีข่าวแว่วมาว่ามีคนแถวปทุมวันเกี่ยวข้องกับเงินทุจริตหลายร้อยล้านบาท ตามที่ได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบไป ซึ่งหากสุรเชษฐ์ ไปให้ข้อมูลจริง น่าจะไปถึงคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เว้นแต่การยิงครั้งนี้จะทำให้สุรเชษฐ์ไม่อยากไปให้ข้อมูล

ที่มาข่าว:MCOT